DBWG บทที่ 38 : ต่อต้านกันเสมือนน้ำกับไฟ


DBWG บทที่ 38 : ต่อต้านกันเสมือนน้ำกับไฟ




กล่าวเช่นนั้น หลงเฉินได้กดนิ้วลงบนลำคอของไป่ชวี่ฉือ เขาใช้กำลังทั้งหมดของเขาในการทำเช่นนั้น ไป่ชวี่ฉือซึ่งเดิมได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงไม่สามารถหายใจได้อย่างราบรื่นอีกต่อไป ที่จุดนี้ดวงตาของไป่ชวี่ฉือเบิกกว้าง มองไปที่หลงเฉิน ทันใดนั้นตัวเขาสั่นสะท้านและกระอักโลหิตสีดำออกมาอีกครั้ง ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัด ร่างของเขาก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน


เมื่อเห็นไป่ชวี่ฉือแสดงอาการเช่นนี้พร้อมกับรูปลักษณ์เย็นชาของหลงเฉิน ตระกูลไป่ตื่นตระหนกและถอนตัวทันที


เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ดวงตาของไป่จ้านซ่งแทบจะลุกเป็นไฟ เขาจ้องมองหลงเฉินราวกับคนตายและกล่าว "เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! ถ้าชวี่ฉือตาย ตระกูลของเจ้าทุกคนจะตกตายอย่างน่าสยดสยอง! เจ้าก็จะตายด้วยความเจ็บปวดเพราะข้าจะทรมานเจ้าจนกว่าจะตาย!"


แม้จะถูกไป่จ้านซ่งจ้องมองอย่างรุนแรง หลงเฉินก็ไม่ได้หวาดกลัวต่อเขาอย่างสิ้นเชิงและเขาไม่ยอมคลายการจับกุมไป่ชวี่ฉือเลย


"
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันจะนำไปสู่ความตายเท่านั้น ทำไมข้าจะต้องกลัวเจ้า? ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดข้าจะฆ่าตัวตาย เจ้าจะทำอะไรข้าได้? อย่างไรก็ตามการบาดเจ็บของบุตรชายของเจ้า ไป่ชวี่ฉือ ดูเหมือนจะไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจบางทีในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาคงจะตาย...... "


หลงเฉินกล่าวทั้งหมดนี้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่เมื่อเห็นสภาพที่น่าสมเพชของไป่ชวี่ฉือ สมาชิกในตระกูลไป่ต่างกังวลอย่างมาก ความหวังของตระกูลทั้งสองคนตกอยู่ในมือของหลงเฉิน แม้ว่าจะเป็นผู้นำตระกูลไป่เขาก็ละเว้นจากการยิงหนูเพราะกลัวที่จะทำลายแจกัน


[TL :
ประมาณว่าไม่กล้ายิงคนร้ายเพราะกลัวพลาดไปโดนตัวประกัน]


สิ่งที่หลงเฉินกล่าวถูกต้อง ถ้าทั้งสี่คนตายแม้ว่าพวกเขาจะสามารถกำจัดตระกูลหยางได้ แต่ตระกูลไป่ก็คงไม่มีรุ่นต่อไปอีกเลย คนที่แข็งแกร่งที่สุดนอกจากสี่คนนั้นคือรุ่นเยาว์ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 เขาจะไม่สามารถดำเนินการสืบทอดมรดกของตระกูลไป่อย่างสมบูรณ์และไม่อาจแทนที่ไป่จ้านซ่งและคนอื่นๆได้


มาถึงจุดนี้ เมื่อเห็นว่าสมาชิกในตระกูลไป่หวาดกลัวอย่างสุดขีด หลงเฉินยิ้มขณะที่เขาลากไป่ชวี่ฉือและไป่ชวี่เฉินไปหาผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง


ไป่จ้านซ่งเข้ามาขวางทางระหว่างนั้น หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและจ้องเขาอย่างเย็นชา พร้อมตะโกน "ไสหัวไป!"


ไป่จ้านซ่งเป็นธรรมดาที่จะไม่เคลื่อนไหวและเห็นหลงเฉินจับทั้งไป่ชวี่ฉือและไป่ชวี่เฉินเป็นตัวประกัน เขาก็ต้องการที่จะทำตามความเหมาะสมและจับสมาชิกในตระกูลหยาง อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาหันไปรอบๆ สมาชิกตระกูลหยางได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขากำลังคิดจะทำ


แม้ว่าพวกเขาจะถูกวางยาพิษด้วยบุปผาฝันร้ายและหากพวกเขาต้องการที่จะหมุนเวียนปราณฉีของพวกเขา สมาชิกในตระกูลหยางก็จะตายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามอย่างน้อยพวกเขาสามารถบรรลุการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในเวลานี้ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางก็หัวเราะเสียงดังและชื่นชมหลงเฉินในขณะที่เขากล่าวว่า "เด็กน้อย ทำได้ดีมาก! อย่างไรก็ตามเราจะไม่เป็นภาระของเจ้า ถ้าตระกูลไป่กล้าที่จะสัมผัสเรา เราจะปล่อยให้พวกเขาลิ้มรสความสามารถของตราประทับมังกรลึกล้ำขั้นสูงจากผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 9! ข้าอยากรู้ว่าพวกเขาจะสามารถทนต่อแรงระเบิดนี้อย่างไร! "


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางได้คืนสติขึ้นมาในที่สุดจากความหลงผิดเกี่ยวกับความเป็นพี่น้องกัน และเขาได้จ้องมองมองผู้นำตระกูลไป่ผู้เลวทราม และเย้ยหยัน "ไป่เฉิง ข้าหยางคังฉงอาจจะไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง ข้าเข้าใจคำว่า 'เลวร้าย' อย่างแท้จริงในวันนี้ด้วยความช่วยเหลือของเจ้า ให้ข้าบอกเจ้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะกำจัดตระกูลหยางของข้าโดยไม่ต้องจ่ายราคามันเป็นไปไม่ได้! "


ไป่จ้านซ่งไม่สามารถจับตัวสมาชิกตระกูลหยางและช่วยไป่ชวี่ฉือได้อีกและคนที่เหลือตกอยู่ในมือของหลงเฉินเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าจะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังเข้าติดอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เมื่อเห็นมือของของหลงเฉินได้ทิ้งรอยช้ำไว้บนลำคอของไป่ชวี่ฉือ ขณะที่ไป่ชวี่ฉือเริ่มปล่อยฟองน้ำลายออกมาแล้ว ไป่จ้านซ่งได้จ้องมองหลงเฉินแล้วปล่อยให้เขาผ่านไป

แต่แล้วหลงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าตระกูลหยางที่มารวมตัวกัน ปัจจุบันสมาชิกตระกูลไป่ยังยืนอยู่ด้วย นอกจากผู้นำตระกูลไป่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญของตระกูลไป่และบุตรชายคนโตไป่จ้านหลงที่จ้องมองหลงเฉินราวกับคนตาย

ไป่ชวี่เฉินเป็นบุตรชายของไป่จ้านหลงและเป็นความภาคภูมิใจของเขาเสมอ แต่ได้เห็นบุตรชายของเขาอยู่ในสภาพที่เลวร้ายเช่นนี้และไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาได้หรือไม่ สำหรับเขาเจตนาที่จะสังหารหลงเฉินไม่ได้มีน้อยไป่กว่าไป่จ้านซ่ง!


ทั้งสองตระกูลเผชิญหน้ากันและกัน โดยหลงเฉินเผชิญหน้ากับคู่หนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ของตระกูลไป่ที่ยืนอยู่ในแถวหน้า สมาชิกตระกูลหยางเฝ้าดูสมาชิกในตระกูลที่พวกเขาคิดว่าไร้ประโยชน์ที่สุดได้ก้าวเข้ามาและกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักในการสนับสนุนพวกเขา ในตอนนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขาก้าวเข้าสู่ความฝัน


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยางเสวี่ยฉิง ในความเป็นจริงแล้วนางไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรในขณะที่นางจ้องมองที่แผ่นหลังของหลงเฉิน แม้ว่านางอยากจะก้าวไปข้างหน้าและขอโทษและขอให้เขายกโทษให้ แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่สามารถทำได้


อย่างไรก็ตามเมื่อถึงจุดนี้หลงเฉินหันมาและเหลือบมองนาง


ความจริงก็คือหลงเฉินมีความรู้สึกเกลียดชังเพียงอย่างเดียวต่อหยางเสวี่ยฉิง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำคือการพิสูจน์ตัวเองเท่านั้นเอง เมื่อมาถึงจุดนี้ไป่ชวี่ฉือได้พ่ายแพ้ต่อเขาและไป่จ้านซ่งก็ถูกบังคับให้ถอยกลับไปอย่างน่าสมเพช ทุกสิ่งทุกอย่าง หลงเฉินได้ทำเพื่อแสดงให้สตรีคนนี้เห็นเท่านั้น!

เมื่อเขาหันกลับไปและจ้องไปที่นาง เขากำลังวางแผนที่จะแสดงความโอ้อวดกับนางและปล่อยให้หยางเสวี่ยฉิงรู้ว่าใครคือผู้ที่เป็นขยะไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อมองเห็นดวงตาของหยางเสวี่ยฉิงที่เต็มไปด้วยน้ำตา หลงเฉินก็นิ่งงัน เขาหันหน้ากลับไปในทันที


ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตอนนี้สตรีคนนี้อ่อนแอมาก แม้ว่าหลงเฉินจะพยายามทำใจแข็งอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจอย่างไม่คาดคิดต่อนาง


เขารู้สึกว่าเขาสามารถใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ไร้ขอบเขตกับสตรีที่อยู่ข้างหลังเขาได้ ดังนั้นเขาจึงหันสายตาที่เฉียบคมและเย็นชาของเขาไปยังสมาชิกตระกูลไป่อีกครั้ง


ในขณะนี้หยางหยุนเทียน ผู้ยืนอยู่ข้างหยางเสวี่ยฉิงได้จ้องมองไปที่หลงเฉินอย่างไม่เต็มใจ เขาขัดแย้งระหว่างความตายของบุตรชายกับความจริงที่ว่าหลงเฉินช่วยชีวิตสมาชิกตระกูลหยางได้เป็นอย่างดี อารมณ์ที่ขัดแย้งกันเหล่านี้ต่อสู้กันอยู่ตลอดเวลาภายในหัวใจของเขา


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางยืนอยู่ข้างหลงเฉินและมองไปที่ผู้นำตระกูลไป่และกล่าวว่า "ไป่เฉิง เจ้าเป็นคนฉลาด ตระกูลไป่ของเจ้าสามารถกวาดล้างตระกูลหยางของข้าได้อย่างง่ายดายในวันนี้ มันแย่มากที่คนรุ่นเยาว์จากตระกูลไป่ของเจ้าน่าผิดหวังมาก ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงไม่สามารถทำลายตระกูลหยางของข้าได้ จนกว่าเจ้าจะละทิ้งอนาคตของตระกูลไป่และเฝ้าดูรุ่นเยาว์เหล่านี้ตาย! "


ถ้าพวกเขาต่อสู้กันอย่าเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าตระกูลหยางจะพินาศอย่างสมบูรณ์ ตระกูลไป่ก็จะสูญเสียสมาชิกไปจำนวนมาก


ถึงแม้สมาชิกของตระกูลไป่จะไม่เต็มใจก็ตาม ผลสรุปของเรื่องราวถูกแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ พวกเขายังคงต้องยอมในขณะที่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ได้


หลงเฉินกล่าวด้วยความเย็นชา "ถ้าเจ้ายังมีสมอง เจ้าควรนำยาแก้พิษออกมา! ตระกูลหยางของเราสามารถที่จะรอได้ แต่ดูเหมือนว่าไป่ชวี่ฉือไม่สามารถรอได้อีกต่อไป จากสิ่งที่ข้าเห็นเขาไม่ควรจะรอได้แม้เพียงนาทีเดียว..... "


ไป่ชวี่ฉืออยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย ถ้าพวกเขาไม่เริ่มรักษาตัวไป่ชวี่เฉินในทันที พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้


แม้ว่าไป่จ้านซ่งจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งเนื่องจากผลงานของหลงเฉินทำให้เขานึกถึงความไม่พอใจของเขาในอดีต อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถบอกได้ว่าชีวิตของบุตรชายของเขากำลังถูกคุกคามอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นตะขิดตะขวงและกล่าวว่า "ท่านพ่อ เราพ่ายแพ้แล้วในวันนี้...... "


ผู้นำตระกูลไป่มองไปที่ผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง ในใจของเขาไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์นี้


หลังจากจัดเตรียมแผนการณ์ดังกล่าวมาเป็นเวลานานและรอบคอบ เพียงเพื่อจะมาพบว่ามันถูกทำลายโดยสิ้นเชิงโดยคนรุ่นเยาว์! เขาจะยอมรับได้อย่างไร?!


ไป่จ้านซ่งรู้ว่าความผิดพลาดในวันนี้เกิดจากหลงเฉิน เขาเสียใจมากขณะที่เขาคิดว่า "เมื่อข้าได้ส่งคนบางคนไปสังหารเขา ข้าพบว่าการดำรงอยู่ของเขาส่งผลให้เกิดความยากลำบากเพราะข้าคิดว่าเขาจะมีผลต่อความรู้สึกของหยางเสวี่ยฉิงที่มีต่อข้าเพียงเท่านั้น แต่ข้าไม่เคยคิดว่าในท้ายที่สุดแผนทั้งหมดของข้าจะถูกทำลายโดยเขา!"


เขากระซิบกับผู้นำตระกูลไป่: "ท่านพ่อ หลังจากนี้ลุงสองจะมาถึง หลังจากเขาเชิญชวนเพื่อนบางคนจากนิกายโลหิตแดงศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเรา ตระกูลหยางก็จะถูกทำลาย! เราต้องทนอีกสิบวันหลังจากความพ่ายแพ้ในวันนี้และจะชนะพวกเขา อย่างไรก็ตามถ้าเราดำเนินการต่อไป เราจะไม่สามารถช่วยชีวิตชวี่ฉือกลับมาได้อีก! "


การสนทนาระหว่างไป่จ้านซ่งและผู้นำตระกูลไป่ ถูกกล่าวต่อหลงเฉินอีกครั้งโดยหลิงซี


หลงเฉินขมวดคิ้ว เขารู้ว่าพวกเขาหมายถึงอะไรจากการสนทนาของพวกเขา เขาเข้าใจดีว่าแม้ตระกูลหยางจะรอดพ้นจากอุปสรรคนี้ แต่พวกเขาจะไม่สงบสุขอีกต่อไปในอนาคต นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าเนิกายโลหิตแดงศักดิ์สิทธิ์ที่ไป่จ้านซ่งกล่าวถึงเป็นอย่างไร


เมื่อมาถึงจุดนี้ผู้นำตระกูลไป่ก็ห่อเหี่ยว


เขายังเข้าใจว่าตอนนี้เขาสูญเสียอย่างสิ้นเชิงแล้วเขาก็โบกมือก่อนที่เขาจะพูดอย่างฉับพลันกับผู้ก่อตั้งตระกูลหยางว่า "ข้าสามารถให้ยาแก้พิษได้ แต่เจ้าต้องไม่เล่นกลโกงใดๆ ถ้าหนึ่งในหลานชายของข้ามีปัญหาใดๆ ผลที่ได้คือการต่อสู้กับความตาย!"


ตระกูลหยางควรจะเป็นเหยื่อในวันนี้ แต่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย พวกเขามีสิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำให้สำเร็จและออกไปอย่างปลอดภัยจากสถานที่แห่งนี้ หลังจากการต่อสู้ในวันนี้ ตระกูลไป่เป็นธรรมดาที่จะกลับมาและเมื่อพวกเขาฟื้นตัว การต่อสู้จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางไม่ต้องการที่จะมีเหตุร้ายใดๆอีก ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า "ข้าสัญญาว่าพวกเขาจะปกติดีหลังจากที่เจ้ามอบยาแก้พิษให้"


ผู้นำตระกูลไป่หยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อของเขา มันเป็นยาแก้พิษของบุปผาฝันร้าย มันทำมาจากก้านบุปผาฝันร้ายที่ถูกต้มจนเดือด

ตระกูลไป่ตัดสินใจวางยาพิษในวันนี้เนื่องจากพวกเขาเคยทดสอบยาแก้พิษมาก่อนแล้ว

บุปผาฝันร้ายถือเป็นยาจิตวิญญาณ ตราบเท่าที่ก้านและกลีบถูกกินด้วยกันแน่นอนมันจะช่วยเพิ่มพลังของพวกเขา


"
เช่นนี้เป็นอย่างไร? เจ้าให้ยาแก้พิษแก่เราและเราจะปล่อยพวกเขาสองคน หลังจากที่เราฟื้นตัวแล้วเราจะปล่อยอีก 2 คนไป "ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางกล่าวอย่างสุภาพ


ผู้นำตระกูลไป่แค่นเสียงด้วยความรังเกียจความรอบคอบของผู้ก่อตั้งหยาง เขาโยนยาแก้พิษลงในมือของผู้ก่อตั้งหยางโดยตรงก่อนที่จะกล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้า หยางคังฉง หลังจากหลายปีที่ผ่านมาเจ้ายังคงเป็นคนขี้ขลาด วันนี้ข้าแพ้ แต่ข้าไม่มีความคิดที่จะเล่นกับเจ้าอีก อย่างไรก็ตามหลังจากวันนี้เจ้าต้องระมัดระวังเมื่อเจ้าเดินออกจากประตูตระกูลไป่เพราะพวกเราจะเป็นเสมือนน้ำกับไฟต่อจากนี้! "


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางยอมให้หยางอู่และหยางหลิงเยว่ปล่อยไป่ชวี่ตงและไป่จื้อซิง ทั้งสองคนนี้วิ่งไปหาบิดาของตนขณะที่พวกเขาร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อน


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางเพียงแต่กังวลที่จะเปิดขวดยา หลังจากที่เขาสูดกลิ่นภายในแล้ว เขายืนยันว่ามันเป็นกลิ่นหอมจากส่วนก้านของบุปผาฝันร้าย


"
ท่านพ่อ ขอให้ข้าลองก่อน!" หยางเสวี่ยฉิงตะโกนในทันที


"
ตระกูลไป่มีแผนการณ์มากมาย เราไม่ควรเชื่อในตัวพวกเขาอย่างง่ายดาย ท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในฝั่งของเรา ดังนั้นถ้าท่านตกอยู่ในแผนการณ์ของพวกเขา เราจะจบสิ้น! "


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางยิ้มและกล่าวว่า "ไม่สำคัญหรอก พ่อของเจ้าได้ทำให้เจ้าผิดหวังในวันนี้"


หลังจากที่เขากล่าวจบ เขากินยาแก้พิษและให้ขวดแก่หยางฉิงซวนโดยตรง เขานั่งลงและหมุนเวียนปราญฉีของเขา พลังอำนาจจากร่างกายของเขาปรากฏออกมาอีกครั้งในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีและสายตาเฉียบคมเช่นนกอีนทรีย์ก็เปิดขึ้นทันที เมื่อหลงเฉินเห็นเช่นนั้น ในใจของเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย


"
ยาแก้พิษทำงานจริงๆ! ใช้มันอย่างรวดเร็ว! "


คนที่เหลือของตระกูลหยางได้กินยาแก้พิษอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปครึ่งนาทีพวกเขาทั้งหมดก็ฟื้นตัวขึ้น ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลหยางค่อยๆกลับมาอยู่ระดับเดียวกับศัตรูของพวกเขา


ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางชี้ไปยังหลงเฉิน "ปล่อยเด็กเหล่านั้นไป! ยังคงมีโอกาสที่จะจับพวกเขาอีกครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเขาตั้งแต่ที่เจ้าก้าวเข้ามาในห้อง "


หลงเฉินเคยต้องการสังหารไป่ชวี่ฉือมาก่อน ที่สำคัญกว่าเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองให้หยางเสวี่ยฉิงเห็น อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องพิสูจน์อะไร


สำหรับไป่ชวี่ฉือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไปและเขาจะไม่สามารถแข็งแกร่งมากกว่าหลงเฉินได้ หลงเฉินจึงไม่ได้สนใจชีวิตหรือความตายของไป่ชวี่ฉืออีกเลย


หลงเฉินโยนร่างพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจและลอยไปที่สมาชิกตระกูลไป่


ตระกูลไป่ได้รับพวกเขาไว้ทันที หลังจากดูสภาพปัจจุบันสองหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ของตระกูลไป่ พวกเขาก็เสียใจ ตระกูลไป่ต่างจ้องมองหลงเฉินราวกับคนตาย


ไป่จ้านซ่งส่งบุตรชายของเขาที่ถูกทำร้ายจนปางตายให้กับบุคคลที่อยู่ข้างหลังเขา เขาจ้องหลงเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหารและกล่าวว่า "เจ้า...เจ้าคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เกินสิบวัน เจ้าควรสนุกกับช่วงเวลาสุดท้ายของเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ "


"
ข้ามั่นใจว่าบุตรชายของเจ้าจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดเกินวันนี้ได้"


หลงเฉินตอบอย่างนุ่มนวล





ความคิดเห็น