DBWG บทที่ 34 : ตราประทับมังกรลึกล้ำขั้นสูง


DBWG บทที่ 34 : ตราประทับมังกรลึกล้ำขั้นสูง




เมื่อได้ยินเสียงไป่ชวี่เฉินที่เคยมีบรรยากาศอันสูงส่งข่มขู่นางด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความปรารถนา หยางหลิงฉิงมองอย่างดูถูกและกล่าวกับไป่ชวี่เฉินอย่างนุ่มนวลว่า "ในตอนแรก ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่มีแข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งของรุ่นเยาว์ในเมืองไป่เห๋อหยาง เหล่าหญิงสาวและข้าได้ยกย่องเจ้าและได้ใจสั่นโดยบรรยากาศที่สูงส่งและสง่างามของเจ้า...แต่ข้าได้ตระหนักในวันนี้ว่าไป่ชวี่เฉิน เจ้าแท้จริงแล้วไม่มีอะไรดี ข้าไม่ได้เยาะเย้ยเจ้า แต่เป็นตัวข้าเอง สำหรับอดีตที่ผ่านมาแท้จริงแล้วข้าเคยยกย่องสัตว์เดรัจฉานเช่นเจ้า"

ความจองหองของหยางหลิงฉิงได้ทำให้ไป่ชวี่เฉินโกรธเกรี้ยวมากขึ้นจากสภาวะความสงบก่อนหน้านี้ของเขาและเขาขบฟันของเขาเมื่อธรรมชาติที่แท้จริงของเขาปรากฏออกมา

ท่าทางข่มขู่ดังกล่าวช่วยเสริมกำลังใจหยางหลิงฉิงขณะที่นางจ้องมองเขาราวกับกำลังมองไปที่ตัวตลก

หยางหลิงฉิงก็กล่าวอย่างหยาบคายว่า "ไป่ชวี่เฉิน จำไว้ แม้เจ้าจะได้ร่างกายของข้า แต่เจ้าจะไม่มีวันได้จิตวิญญาณของข้า!"

นางนึกถึงคนหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้ม "อย่างไรก็ตาม มีคนที่โดดเด่นกว่าเจ้ามาก ทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนนิสัยเสีย เมื่อเขาพูด เสียงเขาเหมือนอันธพาล แต่ความลึกซึ้งในสายตาของเขานั้นบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นเจ้าเป็นพันเท่า"

ไป่ชวี่เฉินรู้ว่านางหมายถึงใครและยิ้มเยาะ "เจ้าสุนัขตัวเมียเหม็นสาบ เจ้าบอกว่าข้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่เจ้าแท้จริงแล้วมีความรู้สึกซ่อนเร้นกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเองใช่หรือไม่? พฤติกรรมดังกล่าว ไม่หนักหนายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานหรือ? "

ใบหน้าของหยางหลิงฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงและนางก็ตอบอย่างโกรธเคืองว่า "ไอสารเลว เพียงเจ้าเท่านั้น ที่มีจิตใจต่ำทรามสกปรก เจ้ามีความรู้สึกที่ซ่อนเร้นกับทุกคนที่เจ้าชอบ? ถ้าแม่เจ้ารักเจ้า เจ้าจะนับว่าเป็นความรู้สึกซ่อนเร้น? "

เมื่อมาถึงจุดนี้ หยางหลิงฉิงรู้สึกประหลาดใจที่ไม่กลัวเขา หัวใจของไป่ชวี่เฉินนั้นค่อยๆขยับตัวและเขาก็เริ่มตื่นตระหนก เขากระโจนเข้าใส่หยางหลิงฉิง เขาคำรามว่า

"ใครสนว่าเจ้าจะเป็นใคร? หลังจากที่ฉันได้ร่างกายของเจ้าแล้วทำไมข้าต้องกลัวว่าข้าจะไม่สามารถผูกมัดจิตใจของเจ้าได้? หยางหลิงฉิง!"

หยางหลิงฉิงกำลังจะกรีดร้อง แต่แล้วดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อมองด้านหลังไป่ชวี่เฉิน ไป่ชวี่เฉินสงสัยว่าเหตุใดบุคคลที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่ยอมแพ้และยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังเขา เขาตกใจกลัวในขณะที่เขาเหงื่อเย็นอาบร่างและหันไป

เมื่อเห็นว่าเขาตกใจเมื่อได้เห็นหลงเฉิน หยางหลิงฉิงชกเขาเข้าไปที่เอวของเขาและมีโอกาสวิ่งไปหาหลงเฉิน

"วิ่ง!"

นางอยากจะคว้าโอกาสและเริ่มดึงหลงเฉินไปพร้อมๆกันเพื่อหลบหนี แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกโกรธก็คือร่างทั้งร่างของหลงเฉินราวกับถูกตรึงอยู่กับพื้นและไม่ว่านางจะพยายามดึงอย่างไร นางก็ไม่สามารถดึงเขาไปได้

เมื่อมาถึงจุดนี้ไป่ชวี่เฉินได้คืนสติจากอาการตกใจของเขาแล้วทั้งสองคนก็ไม่มีโอกาสรอดอีกแล้ว

หยางหลิงฉิงรู้ว่าธรรมชาติของหลงเฉินนั้นดื้อรั้นและใจร้อนและถ้าหากพวกเขาอยู่ที่นี่เขาก็จะต้องต่อสู้กับไป่ชวี่เฉินอย่างแน่นอน ตอนนี้ทางเลือกเดียวคือยืนอยู่หน้าหลงเฉิน และขณะที่มองลงไปที่ไป่ชวี่เฉิน นางกระซิบกับหลงเฉิน "เร็วเข้า รีบหนีไป ตระกูลไป่กำลังจะทำร้ายท่านปู่และคนที่เหลือในระหว่างงานเลี้ยงงานแต่งงาน เราควรรีบกลับไปแจ้งให้ทราบ! "

กล่าวเรื่องนี้ น้ำตานางก็ไหล

เหตุการณ์ในวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงชีวิตสิบหกปีของนาง

นางและหลงเฉินเกิดในปีเดียวกันเดือนเดียวกันและวันเดียวกัน แต่ถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน นางได้รับการเอาใจใส่ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่หลงเฉินได้ต่อสู้และล้มในช่วงสิบหกปีที่ผ่านมาแทน

เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความคิดที่จะปกป้องเขา หลงเฉินไม่สามารถช่วยได้แต่รู้สึกอบอุ่นในใจ อย่างไรก็ตามสำหรับคำขอร้องให้หลบหนีของหยางหลิงฉิง มันเป็นไปไม่ได้

เขา หลงเฉิน ไม่เคยปล่อยให้หญิงสาวยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องเขา

เมื่อมาถึงจุดนี้ ไป่ชวี่เฉินเยาะเย้ยและกล่าวว่า "เจ้าเป็นคนที่นางกำลังพูดถึง? สวรรค์ได้ให้เส้นทางแก่เจ้า แต่เจ้ากลับไม่เลือกเส้นทางดังกล่าว เจ้าเลือกที่จะบุกเข้าไปในประตูนรก โอ้ ดี! วันนี้ข้าเห็นว่าทั้งเจ้าและหลิงฉิงของข้ามีโชคชะตาร่วมกัน ข้าจะแสดงผลงานที่ดีกับนาง เพื่อเจ้า"

หยางหลิงฉิงได้ขอร้องเขาแล้ว หลงเฉินกลับมองไปที่เขาอย่างไม่แยแส นางก็ตื่นตระหนกและคำราม: "พี่ใหญ่เฉิน ท่านไม่ใช่บุรุษหรือ? ท่านไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของภาพใหญ่ได้หรือไม่? ชีวิตของท่านปู่และคนในตระกูลที่เหลืออยู่ในมือของท่าน! "

หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและมองนางอย่างอ่อนโยน เขาขดริมฝีปากของเขาและดึงนางมาไว้ข้างหลังเขาและเสียงหนักแน่นของเขาก็เข้าสู่หูของหยางหลิงฉิง

"หลิงฉิง เจ้าโตขึ้นมาก ข้าเป็นพี่ใหญ่แต่ยืนหยัดเพื่อเจ้าเพียงครั้งเดียวจนกระทั่งบัดนี้ ข้าค่อนข้างลำบากใจเรื่องนี้ สารเลวบัดซบนี่ทำให้เจ้าร้องไห้ในวันนี้! ตั้งแต่เห็นน้ำตาของเจ้า ข้าจะทำให้มันต้องหลั่งโลหิต... "

"สำหรับท่านปู่และคนที่เหลือ ให้เวลาข้าอีกครึ่งนาทีและข้าจะชำระหนี้ในวันนี้"

แม้ว่าเสียงของเขาจะสงบนิ่ง การตัดสินใจด้วยความมั่นใจและความแน่วแน่ของเขา ทำให้หยางหลิงฉิงหงุดหงิด

นางก็คิดถึงช่วงเวลานั้นในตลาดของผู้ฝึกตน เมื่อนางถูกข่มเหงโดยไป่จื้อซิง หลงเฉินได้ยืนอยู่ตรงหน้านางแล้วและแม้ว่าแผ่นหลังของเขาจะไม่น่าเกรงขาม แต่กระดูกสันหลังอันมั่นคงนี้ทำให้นางรู้สึกสงบและใจเย็นอย่างไม่อาจอธิบายได้

แต่สิ่งที่หลงเฉินเผชิญหน้าในขณะนี้คืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองไป่เห๋อหยาง!

"ด้วยการให้พี่ชายดูแลสิ่งต่างๆ เจ้าควรจะถอยหลังและเรียนรู้ว่าข้าลงโทษตัวบัดซบนี่อย่างไร"

หยางหลิงฉิงพยักหน้าและถอยกลับเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างหลังพวกเขา

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่ได้ปล่อยให้หยางหลิงฉิงหนี ไป่ชวี่เฉินรู้สึกอึดอัดใจและตะโกนว่า "เด็กน้อย สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าไม่ควรปล่อยให้นางหลบหนีก่อนหรือ? ข้าเตรียมพร้อมที่จะสนุก แต่ไม่คาดคิดว่าสมองของเจ้าได้กลายเป็นเน่าเสียไปแล้ว "

อย่างไรก็ตาม หลงเฉินกล่าวว่า "นั่นเป็นเพราะไม่มีความจำเป็นที่นางจะต้องหลบหนี ถ้าเจ้าเป็นคนที่ข้าสู้ด้วย ข้ามีเวลาแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น  ข้าเคยได้ยินคำกล่าวเล่าลือต่างๆว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองไป่เห๋อหยาง ดังนั้นวันนี้ข้าจะทำลายตำนานนั่นต่อหน้าน้องสาวของข้า! "

ไป่ชวี่เฉินประเมินหลงเฉินและจากนั้นก็ระเบิดออกเสียงหัวเราะ "ประสาท...... "

ในขณะที่เขาปะทุเสียงหัวเราะ กลิ่นอายอันรุนแรงของหลงเฉินได้กดดันเขาและในขณะนั้นทั้งคู่ก็พร้อมที่จะโจมตี ส่วนหยางหลิงฉิง นางซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้เก่าแก่และเฝ้าดูทั้งสองอย่างหดหู่

แม้ว่านางจะแน่ใจว่าหลงเฉินไม่ใช่คูต่อสู้ของไป่ชวี่เฉิน แต่นางเกิดความรู้สึกแปลกๆที่ทำให้นางเชื่อว่าหลงเฉินจะได้รับชัยชนะ

"แม้ว่าเจ้าไม่ได้เจตนาจะทำให้พี่ชายข้าตกตาย เจ้าก็เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในใจข้าเสมอ...... "

หลงเฉินลืมเลือนเรื่องนี้ มันเป็นเพียงหยางหลิงฉิงที่จำได้เสมอ

เมื่ออายุได้ประมาณหกขวบ หยางหลิงฉิงก็มีความซุกซนมากๆ นางมักจะออกจากที่พักของตระกูลหยาง และไปที่ภูเขาลึกเพื่อไปเที่ยว อยู่มาวันหนึ่งนางได้เจอหมาป่าสองสามตัวและเมื่อหลงเฉินปกป้องนางและช่วยนางไล่หมาป่าเหล่านั้นไป

หลงเฉินถูกกัดจนเกิดบาดแผลมากมายในขณะนั้นและในขณะที่หยางหลิงฉิง นางหลงเหลือเพียงความหวาดกลัวมากกว่าความกล้าหาณของนาง

ทั้งคู่กลับมาที่ตระกูลหยางและหยางหลิงฉิงร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อถึงจุดนี้ หยางเสวี่ยฉิงได้คาดการณ์ว่าหลงเฉินได้พาหยางหลิงฉิงออกไป ดังนั้นนางจึงโกรธเขา

หยางหลิงฉิงเคยตำหนิตัวเองมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

"เจ้าลืมมันไปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งที่สามที่เจ้ายืนหยัดอยู่ตรงหน้าข้าและเจ้าไม่เคยล้มแม้แต่ครั้งเดียว ...... "

เมื่อมองร่างของหลงเฉิน นางรู้สึกราวกับว่านางกลับมาอายุหกขวบอีกครั้ง ในขณะที่ร่างผอมบางผู้ถือก้อนหินที่แหลมคมขึ้นมาและต่อสู้กับกลุ่มหมาป่าอย่างรุนแรง ไม่ว่าเขาจะถูกกัดกี่ครั้งและในขณะที่โลหิตสดๆยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว!

ขณะที่นางนึกถึง หยางหลิงฉิงรู้สึกถูกกระตุ้นอย่างมาก

เมื่อมาถึงจุดนี้ หลงเฉินจ้องมองไป่ชวี่เฉินเช่นมองคนตาย หลังจากการแลกเปลี่ยนกลิ่นอายก่อนหน้านี้ ระหว่างนั้นเขาก็ได้สำรวจและค้นพบว่าไป่ชวี่เฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าไป่ชวี่ฉือจริงๆ เขาอาจจะก้าวขาข้างหนึ่งไปยังขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 8 แล้ว!

ไป่ชวี่เฉินหยุดและมองไปที่หลงเฉินด้วยท่าทางค่อนข้างตกตะลึงและกล่าวว่า "พวกเขาบอกว่าเจ้าอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 5 แต่เจ้าได้เข้าสู่ขั้นที่ 6 แล้วและแทบจะเข้าสู่ชั้นที่ 7 ตามที่คาดไว้ เจ้าได้ปกปิดพลังของเจ้าอย่างมาก แต่เพียงแค่ระดับนี้และเจ้ายังต้องการจัดการกับข้าซึ่งใกล้เคียงกับขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 8 ?"

หลงเฉินต้องยอมรับว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดที่เขาเคยเจอ เมื่อเทียบกับราชันย์จิ้งจกโลหิตอเวจีก่อนหน้านี้ แม้ว่าร่างของมันใหญ่โตและใหญ่มากกว่านี้หลายเท่า แต่ก็ไม่ยากที่จะจัดการกับไป่ชวี่เฉิน!

ไป่ชวี่เฉินใช้เวลากว่าสิบปีในการบ่มเพาะและความสามารถของเขาก็แซงหน้าไป่ชวี่ฉือ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลงเฉินที่จะเอาชนะเขาได้

เมื่อมาถึงจุดนี้ไป่ชวี่ฉือจ้องมองอย่างฉุนเฉียวที่หยางหลิงฉิงและไฟลุกโชนขึ้นมาชั่วขณะ เขาไม่มีเวลากับหลงเฉินอีกแล้ว และกล่าวว่า "ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นศัตรูที่จัดการได้ลำบากและทักษะอื่นๆทั้งหมดของข้านอกเหนือจากดัชนีกาฬสวรรค์ก็ไม่สามารถจัดการกับเจ้าได้ ดังนั้น......เจ้าต้องรอความตายของเจ้า! "

ดัชนีกาฬสวรรค์อีกครั้ง?

หลงเฉินเงยหน้าขึ้นและกล่าว: "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ฝึกฝนดัชนีกาฬสวรรค์ถึงดัชนีที่สองแล้ว? เจ้าจะให้เกียรติข้าได้เห็นมันได้หรือไม่?"

ไป่ชวี่เฉินจ้องมองอยางว่างเปล่าชั่วอึดใจและหัวเราะทันที: "ข้าเข้าใจความตั้งใจของเจ้า! เจ้าต้องการที่จะตกตายอย่างน่ายกย่องต่อหน้าหยางหลิงฉิงใช่หรือไม่? เนื่องจากเจ้ามีน้ำหนักมาก ข้าจะพยายามทำให้ความปรารถนาอันแรงกล้านี้แก่เจ้าสำเร็จ! "

[TL : "มีน้ำหนักมาก" หมายถึง เป็นคู่ต่อสู้ที่คุ้มค่า]

หยางหลิงฉิงยังงงงวยเพราะหลงเฉิน ไม่รู้ว่าเขาไม่มีกลยุทธ์อันใด

ดัชนีที่หนึ่งของดัชนีกาฬสวรรค์ - ดัชนีที่หนึ่งจำแลงปีศาจ มีความคล้ายคลึงใกล้เคียงกับตราประทับมังกรไร้สี สำหรับดัชนีที่สองนี้ หลงเฉินจะสามารถป้องกันได้อย่างไร?

ไม่ว่านางจะเชื่อในตัวหลงเฉินมากเพียงใด เมื่อถึงจุดนี้หัวใจของนางก็วิ่งอย่างบ้าคลั่ง

คิดว่าในไม่ช้าเขาก็จะได้หยางหลิงฉิง ไป่ชวี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดจะพรรณนาได้

เขามองไปที่หลงเฉินซึ่งดูเหมือนจะไม่กลัวความตายและค่อยๆยกนิ้วกลางข้างขวาของเขา สายธารสีดำก็เริ่มหมุนรอบๆ และมีกลิ่นอายที่รุนแรงถูกส่งไปทุกทิศทาง!

พลังงานจากกระแสสายธารนี้ สร้างเสียงหวีดหวิวขณะที่หมุนเวียนและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เกือบจะเวลาต่อมาราวกับว่ามีเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ดวงตาของไป่ชวี่เฉินก็เปลี่ยนไป เมื่อมองไปที่หลงเฉินเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่เขากำลังจะใช้ดัชนีกาฬสวรรค์ดัชนีที่สอง เขาได้เห็นหลงเฉินสร้างตราประทับมืออย่างรวดเร็ว!

"ภายในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงสิบวันเจ้าได้เรียนรู้ตราประทับมังกรไร้สีแล้ว? ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าให้มีชีวิตอีกต่อไป!"

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ไป่ชวี่เฉินได้ปลดปล่อยพลังของดัชนีที่สองของดัชนีกาฬสวรรค์ และเกลียวคลื่นสีดำก็ยิ่งใหญ่ขึ้นและมีลมแรงคล้ายลมพายุก็ได้ถูกปล่อยออกสู่สภาพแวดล้อมรอบด้าน!

กิ่งก้านและใบไม้บนพื้นทั้งหมดก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ และฝุ่นควันก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยเสียงตะโกน ไป่ชวี่เฉินส่งพลังที่พลุ่งพล่านไปที่หลงเฉิน!

"ดัชนีกาฬสวรรค์ - เก้าวงโคจรวสันต์สีเหลือง!"

[TL : ฤดูใบไม้ผลิสีเหลือง = นรก ชาวจีนโบราณเชื่อว่าสวรรค์เป็นสีดำและปฐพีเป็นสีเหลือง ฤดูใบไม้ผลิอยู่บนพื้นดินดังนั้นจึงเรียกว่า "ฤดูใบไม้ผลิสีเหลือง" ในวัฒนธรรมจีนคำนี้มักหมายถึงนรกซึ่งเป็นสถานที่ที่วิญญาณของคนตายอาศัยอยู่]

ใบหน้าของหยิงหลิงฉิงถูกระบายสี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังรุนแรงดังกล่าวแม้จะอยู่ห่างไกล แต่การแสดงออกของหลงเฉินก็ไม่เปลี่ยนแปลง!

เขาไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้ดัชนีที่สองนี้ แต่เพียงแค่เน้นการโจมตีของเขาเท่านั้น สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมคือตอนนี้ร่างกายของเขาปะทุกลิ่นอายที่รุนแรงยิ่งขึ้น


ระหว่างดัชนีของเขาได้เกิดรัศมีสีแดง 9 ดวงและด้วยตราประทับที่สมบูรณ์แบบ ชั่วพริบตาปรากฏเทพมังกร ทั้งหมดถูกควบคุมโดยหลงเฉิน!

เดิมทีหยางหลิงฉิงต้องการให้หลงเฉินหลบหนีอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อถึงจุดนี้ นางได้เห็นภาพที่เห็นได้ชัดของเทพมังกรแดงทั้ง 9 นางเคยเห็นการโจมตีครั้งนี้มาก่อน เมื่อหยางฉิงซวนได้ต่อสู้และใช้ตราประทับมังกรระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยาง!

"ตราประทับมังกรลึกล้ำขั้นสูง!"


ความคิดเห็น