DBWG บทที่ 7 : แก้แค้น
DBWG บทที่
7 : แก้แค้น
เผลาะ!
ด้วยเสียงคำรามของมังกร ปราณฉีได้ตัดผ่านเส้นโลหิตมังกรเส้นที่สามได้สำเร็จ
ปราณฉีไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งภายในแขนขาของเขา หลงเฉินต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่เขาต้องสยบปราณฉีของเขาและปรับแต่งมันให้สมบูรณ์ และต้องทำให้ดูดซับมันได้ด้วยตัวเอง
ในตอนนี้ดวงตาของเขาสาดประกาย เห็นได้ชัดว่าความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้!
"ปราณฉีจากขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 มีจำนวนมากกว่าขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 อย่างแท้จริง ถ้าข้าเจอกับหยางจ้านอีกครั้ง ควบกับทักษะหมัดดาวตก ถ้ามันต้องการจะเอาชนะข้า คงเป็นเรื่องยากสำหรับมัน!"
หลังจากเข้าสู่ของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 แล้ว หลงเฉินค่อยๆควบคุมการหายใจของเขา ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และคิดว่ายังมีเวลาอยู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
"ในค่ำคืนนี้มีเมฆน้อย มองเห็นทางช้างเผือกได้ทั้งฟากฟ้า ช่างงดงามอลังการยิ่งนัก"
"18 เส้นทางจักรวาล ประกอบด้วย 9 เส้นทางแห่งรุ่งอรุณ และ 9 เส้นทางแห่งสนธยา มีคำเล่าลือว่าเส้นทางจักรวาลมีต้นกำเนิดจากดวงดาวมากมายไร้ที่สิ้นสุด ถ้าในวันข้างหน้าข้าสามารถเข้าสู่แดนสวรรค์และได้เห็น 18 เส้นทางจักวาล จึงจะกล่าวได้ว่าข้าไม่ได้มีชีวตอยู่อย่างสูญเปล่า"
"ถ้าทางช้างเผือกเกิดจากดวงดาวแล้ว ข้าจะหยิบยืมพลังจากทางช้างเผือกและดวงดาว และบ่มเพาะทักษะแก่นแท้สวรรค์ต่อ!"
เดิมหลงเฉินได้หยิบยืมพลังแก่นแท้จากดวงดาวบางดวงเท่านั้น แต่ในตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับทางช้างเผือก แสงดาวอันเจิดจ้าพุ่งกระหน่ำมาที่ร่างของเขา
"แสงดาวจากดวงดาวไร้ที่สิ้นสุดนี้ แท้จริงแล้วได้แทรกเข้าสู่โลหิต,เส้นโลหิตและกระดูกของข้า ความรวดเร็วนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้ามันเร็วกว่า 100 เท่า อย่างที่ข้าคิดไว้ 18 เส้นทางจักรวาลมีต้นกำเนิดมาจากดวงดาวมากมายไร้ที่สิ้นสุด!"
ในขณะที่ร่างเขาเต็มไปด้วยแสงดาว หลงเฉินก็รู้สึกว่าเขาถูกล้อมรอบด้วยดาวฤกษ์มากมายและแก่นแท้ของดาวฤกษ์เหล่านี้ก็ผสานเข้ากับผิวหนังของเขาและหลอมรวมเข้ากับทุกส่วนของร่างกาย หลงเฉินรู้สึกว่าภายใต้การปรับแต่งอย่างต่อเนื่องของแสงดาว ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ฟากฟ้า
แสงดาวบนร่างกายของเขาค่อยๆจางหายไป หลงเฉินกระโดดลงมาจากหลังคา แววตาของเขาประกายความตื่นเต้น
"หลังจากประสบปัญหาในการปรับแต่งภายใต้แสงดาว ตอนนี้ข้าได้เข้าถึงระดับเชี่ยวชาญในทักษะแก่นแท้สวรรค์แล้ว ความแข็งแกร่งและพลังอำนาจได้เพิ่มขึ้นด้วยปราณฉีของข้าในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3... ข้า หลงเฉิน เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว ข้าแข็งแกร่งขึ้น 10 เท่า!"
หลงเฉินยิ้ม "ในที่สุดข้าก็สามารถเงยหน้าขึ้นได้ตั้งแต่วันนี้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าไม่สามารถสู้กับหยางจ้านผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4! นอกจากนี้สำหรับคนที่เหลือ.. หนี้ของพวกมัน..ข้าจะทำให้พวกมันต้องชดใช้!"
เข้าไปในบ้าน หลงเฉินนอนลงบนเตียง
"ไม่ได้นอนคืนหนึ่ง เวลานี้เป็นเวลาสำหรับพักผ่อน และเมื่อข้าตื่นขึ้นมาในภายหลัง พลังของข้าก็จะเต็มเปี่ยม จึงทำให้ข้าสามารถก้าวสู่ขั้นต่อไปในแผนการณ์การบ่มเพาะของข้าได้"
"ทักษะแก่นแท้สวรรค์ ถ้าเชี่ยวชาญ มันควรจะสามารถแสดงพลังอันมหาศาลกว่านี้ได้ จี้หยกรูปมังกรลึกลับของท่านพ่อที่เขามอบให้ข้ามันมีปราณฉีจำนวนไม่น้อยเลย ปราณฉีในตันเถียนของข้าได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ แต่ข้าไม่สามารถจำกัดความเร็วในการฝึกนี้ได้ ข้าต้องบ่มเพาะ เพื่อที่จะได้รับหยกจิตวิญญาณในเวลาเดียวกัน"
หยกจิตวิญญาณนี้ เป็นหินหยกประเภทหนึ่งสามารถนำไปใช้กับผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกร ซึ่งบรรจุแก่นแท้ของสวรรค์และโลกปริมาณมหาศาล โดยปกติกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสำเร็จอันยอดเยี่ยม จะได้รับรางวัลจากผู้อาวุโสด้วยเช่นกัน
"ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ข้าต้องได้รับทักษะตราประทับมังกร ดังนั้นอย่างน้อยข้าต้องเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 5 การตัดผ่านแต่ละขั้นในขอบเขตชีพจรมังกรจะเป็นเรื่องยากมากอย่างน้อย 10 เท่าในแต่ละขั้นที่ตัดผ่าน หยางจ้านได้หยุดอยู่ในขั้นที่ 4 มานานกว่าหนึ่งปี ถ้าข้าต้องการเข้าสู่ขั้นที่ 5 ข้าคิดว่ามังคงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องบรรลุให้ถึงขั้นนั้นภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน..."
"ข้าจะไม่สนใจมันอีกต่อไป แต่เพื่อท่านพ่อของข้า เพื่อแก้แค้นคนที่เคยดูหมิ่นข้า และเพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้สตรีเหม็นสาบนั่นเห็น ข้าจะต้องพยายาม!"
[TL: สตรีเหม็นสาบหมายถึงแม่ของเขา]
ในตอนเช้า หลงเฉินตื่นขึ้นมาด้วยเสียงรบกวนบางอย่าง
หลังจากเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 การรับรู้ของเขาได้แผ่ขยายขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าจะมีคนมาหาเขาจากที่ห่างไกล เขาจะสามารถรับรู้ได้ถึงบุคคลผู้นั้น ลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมโดยการเข้าสู่สภาวะสูงสุดของเขา หลงเฉินยิ้มแล้วเดินออกจากบ้าน
อันที่จริง หยางจ้านเป็นผู้นำ ยืนอยู่ข้างหน้าและข้างหลังเขาเหล่าผู้ที่ติดตามมาเป็นพี่น้องทั้งบุรุษและสตรีของตระกูลหยาง อายุโดยประมาณอยู่ระหว่าง 14-15 ปี ตัวไม่ได้สูงใหญ่สักเท่าไรนัก บางคนมีอายุมากกว่าหลงเฉิน
หยางจ้านแท้จริงแล้วมีคนจำนวนมากที่ได้ตามเขามา สร้างความประหลาดใจแก่หลงเฉิน
หลังจากได้เห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้แสดงความกลัวใดๆต่อหน้าคนกลุ่มใหญ่ หยางจ้านหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า "เมื่อคืนข้าบอกว่าจะลงโทษเจ้า ดังนั้นวันนี้ข้าจึงไม่สามารถผิดคำพูดของข้าได้ สารเลวน้อยเช่นเจ้าได้แข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และตอนนี้เจ้ากลายมาเป็นหยิ่งยโส พวกเราเหล่าพี่น้องตระกูลหยางทุกคนไม่ชอบเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้หมอบหมายเป็นพิเศษให้ข้ารักษาวินัยของเจ้าและสั่งสอนเจ้าถึงคุณข้าของการเป็นมนุษย์"
หลงเฉินยิ้มบางและกล่าวว่า "ไม่แปลกใจเลย ที่เจ้าสร้างความปั่นป่วนใหญ่โตเช่นนี้ ครั้งแรกข้าคิดว่าเจ้าน่ากลัว แต่ตอนนี้ข้าเห็นได้ว่าเพราะจำนวนคนที่มากเช่นนี้ทำให้เจ้ากล้าหาญขึ้นมาได้"
หลงเฉินภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังคงเย้ยหยันหยางจ้านอย่างแท้จริง และล้อเลียนอย่างชาญฉลาด เหล่าพี่น้องตระกูลหยางต่างตกตะลึง ไม่คืนสติแม้เวลาผ่านไปครู่ต่อมา
"นี่ยังคงก้มหน้า เลียแข้งเลียขาและกระดิกหางไปมา? ขยะ!"
ความเกรี้ยวโกรธภายในตัวมันและปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของหยางจ้าน ในวินาทีนั้น เปลวไปของความเกลียดชังปะทุออกมาจากมันอย่างช้าๆ
"ดีมาก ไอ้สารเลวน้อย เจ้าโชคดีที่ได้รับความแข็งแกร่งบางอย่าง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะแตกต่างจากไอ้ขี้ข้าเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่เจ้าเอาชนะเฉินหลิวได้ เจ้ายังไร้เดียงสาคิดว่าเจ้ายอดเยี่ยมที่สุดภายใต้ท้องฟ้า วันนี้เจ้าทำให้ข้าโกรธ เหล่าพี่น้อง บอกข้า ข้าควรทำเช่นไรดี?"
"กำจัดมัน!"
เสียงสนับสนุนดังสนั่น
หยางจ้านโบกมือมันและกล่าว "ขอโทษ นี่เป็นข้อเสนอจากเหล่าพี่น้องของข้า การกระทำของเจ้าในวันนี้ไม่น่าสนใจสำหรับพวกเรา เราคิดว่าเป็นสุนัขขี้ข้าหยางเฉินก่อนหน้านี้ยังดีกว่า ดังนั้น วันนี้ข้าจะใช้ความพยายามทั้งหมดเปลี่ยนแปลงเจ้าให้กลับเป็นเหมือนก่อนหน้านี้!"
"ก่อนคิดที่จะทุบตีข้า หยุดพูดจาเหลวไหลเหมือนเด็กๆสักที คำพูดของเจ้ามันเป็นผายลมสุนัขสำหรับข้า ใช่ ในตอนเช้าเจ้านำกลุ่มคนมากมายมาที่ประตูหน้าบ้านข้าแล้วผายลมสุนัขออกมา มันช่างเหลือเชื่อ!"
ประโยคสุดท้ายของหลงเฉินได้ผลักดันให้ฟางเส้นสุดท้ายของหยางจ้านขาดลงด้วยความโกรธ สำหรับมันที่ยืนอยู่บนที่สูงเสมอ หลงเฉินในใจของมันก็เหมือนกับเหา และวันนี้มันได้ถูกทำให้อับอายขายหน้าโดยเหาตัวนี้ ทำให้มันสูญเสียสมบัติผู้ดีของมัน
"บัดซบ ไอ้สารเลว เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ถ้าวันนี้ข้าไม่กำจัดเจ้า ข้าไม่ขอใช้ชื่อหยางจ้าน!"
หลังจากคำพูดเหล่านี้ ปราณฉีของมันได้ระเบิดออกมา พลังของขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 สร้างความกดดันกดทับร่างกายของหลงเฉิน
"พวกเขากำลังเข้าสู้กัน!"
คนที่อยู่รอบๆกระจายกันออกไปทันที ที่ลานมีเพียงหยางจ้านและหลงเฉินยังคงอยู่
นี่อาจจะคล้ายภาพเดียวกันจากเมื่อคืน แต่ตอนนี้มันไม่สามารถจะทำให้ข้าถอยได้แม้เพียงครึ่งก้าว
ถึงแม้ว่าขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 จะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของหลงเฉินในตอนนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน ด้วยร่างกายที่แผ่กระจายแสงดาวจางๆ และทักษะแก่นแท้สวรรค์ซึ่งถูกปรับแต่งโดยแสงดาว เขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของฝ่ายตรงข้าม
"เพียงแค่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 และเจ้าต้องการที่จะต่อสู้กับข้า เจ้าต้องจ่ายราคาสำหรับความโง่เขลาของเจ้า!"
เหมือนลมกรด หยางจ้านพุ่งไปข้างหน้าหลงเฉิน ตะโกนอย่างไม่หยุดหย่อน ในระยะเวลาอันสั้นเขาได้ปลดปล่อยหมัดออกไปหลายครั้ง ซึ่งหลงเฉินหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
"หึ หยางเฉินผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นมาก ข้าคิดว่าเขามีความกล้าหาญ แต่เมื่อพี่ชายหยางจ้านได้ลงมือแล้ว เขากำลังจะถูกทุบตีเหมือนหนูส่งเสียงร้องครวญคราง"
"เขาเพียงแสดงความโง่เง่าของตัวเอง"
ฝูงชนโดยรอบต่างหัวเราะลั่น ชี้และพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
หลังจากหลบการโจมตีของหยางจ้านได้อีกครั้ง หลงเฉินมองไปที่พวกมันอย่างดุร้ายและก่นด่าว่า "เป็นแค่พวกโง่เขลาที่เกาะกันเป็นกลุ่ม!"
หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มแย้ม มองไปที่หยางจ้านแล้วกล่าวเยาะเย้ยว่า "หยางจ้าน เจ้าทำได้แค่นี้?"
หยางจ้านอยู่ในการต่อสู้จริง แตกต่างจากพวกโง่เขลาในฝูงชน แม้ว่าหลงเฉินจะหลบหลีกอยู่ตลอดเวลา แต่การหลบหลีกของเขาแท้จริงแล้วเป็นทักษะบางอย่าง ไม่เพียงเท่านั้น หยางจ้านได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของมัน แต่ก็ยังไม่สามารถจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้ จิตใจของมันแผดคำรามด้วยความตื่นตระหนก
"นี่ไม่ถูกต้อง มันเป็นเพียงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 แม้ว่าความคล่องตัวในการหลบหลีกจะไม่เลว แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทักษะที่รุนแรงใดๆ"
คิดถึงเรื่องนี้ หยางจ้านยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกล่าว "เจ้ามันขี้ขลาด เจ้ารูแต่วิธีหลบหลีกเช่นนี้? ถ้าเจ้าเป็นบุรุษ ก็มาสู้กับข้าให้เต็มที่!"
หลงเฉินหลังจากที่ต่อสู้มาสักพัก เขาเข้าใจขอบเขตพลังของหยางจ้านมากขึ้นเล็กน้อย ในแง่ของปริมาณฉี เขาด้อยกว่าแน่นอน
เนื่องจากการรู้แจ้งทักษะแก่นแท้สวรรค์ การโจมตีและความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 ปกติ เขาแข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า การป้องกันของเขาก็ดียิ่งขึ้น ด้วยการมีสิ่งเหล่านี้รับประกัน ดวงตาของหลงเฉินสาดประกาย จากนั้นเขาจ้องมองไปที่หยางจ้านตะโกนและเหวี่ยงหมัดของเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่หนี เขายังปล่อยหมัดของเขาออกมา
"หมัดพยัคฒ์เหี้ยม!"
"หมัดพยัคฒ์เหี้ยม!"
พยัคฒ์ทั้งสองในภูเขา เข้าปะทะกันเสียงดังสนั่น!
ตู้มมมม!!
ทั้งสองฝ่ายต่างถอยหลังไปด้วยก้าวที่หนักอึ้ง ประทับรอยเท้าแต่ละรอยบนพื้นกระเบื้องหิน ด้านหลังหยางจ้านมีแม้กระทั่งกระเบื้องหินที่แตกหัก!
"อะไรกัน เขามีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้อย่างไร!?"
หยางจ้านในที่สุดก็ยืนได้อย่างมั่นคง และมองเห็นหลงเฉินที่ถอยหลังไปน้อยกว่ามัน มันปฏิเสธที่จะเชื่อ เหล่าพี่น้องตระกูลหยางรอยยิ้มของพวกมันถูกแช่แข็งในทันที ราวกับการโดนตบหน้า!
"มันเป็นอย่างไรบ้าง? หมัดนี้เติมเต็มความกระหายของเจ้าได้หรือไม่? หยางจ้านหมัดพยัคฒ์เหี้ยมของเจ้าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อันใดสำหรับข้า!"
หยางจ้านหวาดกลัวอยู่ภายในจิตใจของมัน
เป็นไปได้อย่างไร!?
"เมื่อไม่กี่วันก่อน มันไม่ได้เป็นกระทั่งผู้ฝึกตน แต่มองไปที่มันตอนนี้ มันอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 สามารถที่จะเอาชนะเฉินหลิวได้ เป็นสิ่งยืนยันว่ามันได้ปกปิดความแข็งแกร่งไว้ คนๆนี้.. ตอนนี้อยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4? ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 แท้จริงแล้วมันปกปิดความแข็งแกร่ง มันมีเจตนาอะไร?"
มองไปที่หลงเฉินที่ยิ้มอย่างจริงใจมาที่มัน ความโกรธของหยางจ้านทำให้ร่างกายมันลุกเป็นไฟ
"เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ มันต้องเล่นสกปรกบางอย่างแน่นอน! มันอาจจะรู้จักทักษะพยัคฒ์เหี้ยม แต่สำหรับทักษะต่อไปที่ข้าจะใช้ไม่ว่ามันจะปกปิดอะไรก่อนหน้านี้ หรือวิธีการน่าอับอายใดๆ ข้าจะสังหารมันแน่นอน!"
คิดได้ดังกล่าว หยางจ้านก็ตะโกนดังลั่น ราวกับดาวตก มันพุ่งเข้าหาหลงเฉิน พลังอันมหาศาลนี้ได้กดดันเหล่าพี่น้องตระกูลหยางให้หลบหลีกไปทำให้พวกมันกล่าวว่า "พี่ชายหยางจ้านเป็นบุคคลพิเศษ เขายังได้เรียนรู้ทักษะระดับปฐพีขั้นกลางอีกด้วย มันเป็น[ทักษะหมัดดาวตก] คนผู้นี้ภายใต้ทักษะหมัดดาวตกนี้ เขาจะไม่เหลือแม้กระทั่งศพแน่นอน!"

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น