DBWG บทที่ 1 : จี้หยกรูปมังกร
DBWG บทที่ 1 : จี้หยกรูปมังกร
เมืองไป่เห๋อหยาง..
ในห้องบนชั้นสองของเรือนหยกเขียวมรกต คู่หญิงสาวอ่อนเยาว์ยั่วสวาทนั่งอยู่บนตักของหยางเฉิน เขาหยิบเงินเล็กน้อยจำนวนหนึ่งตบลงบนโต๊ะและหัวเราะอย่างสนุกสนาน
เมื่อสองสาวมองเห็นธนบัตรแล้ว ดวงตาของพวกนางส่องประกายทันที หน้าอกของพวกนางถูแขนของเขา แย้มรอยยิ้มบางพร้อมกล่าวว่า "นายน้อยหยาง ท่านช่างใจกว้างยิ่งนัก"
ในขณะนั้นประตูก็ถูกกระแทก เปิดเข้ามาอย่างกระทันหัน ข้ารับใช้รีบวิ่งไปยืนข้างชายหนุ่มทั้งๆที่หยาดเหงื่อไหลลงมาถึงหูและกล่าวว่า "นายน้อยเฉิน บิดาของท่านเสียชีวิตแล้ว!"
ข้ารับใช้ชื่อ 'เซี่ยวฮวาง' เป็นเสนาธิการที่เข้าไว้ใจมากที่สุด คอยอยู่เคียงข้างและรับใช้หยางเฉินมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ใบหน้าของหยางเฉินกลายเป็นไร้ความรู้สึกทันที เพียงชั่วขณะก็กลับเป็นปกติ เขาปัดแขนเสื้อของเขา ยืนขึ้นและออกไป การแสดงออกของข้ารับใช้กลายเป็นหดหู่ แต่ไม่สามารถตามทันความเร็วฝีเท้าของหยางเฉินได้
ขณะเดินไปตามทาง หยางเฉินคิดกับตัวเองว่า "ถึงแม้ว่าพ่อปีศาจจะตายด้วยอาการมึนเมาสุรา แต่เขามีอายุเพียง 40 ปี และดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปี ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะตายในวันนี้ได้อย่างไร?"
เขาเดินเข้ามาในที่พักตระกูลหยางอย่างรวดเร็ว
เมืองไป่เห๋อหยางมีสองตระกูลที่มีอำนาจ คือ ตระกูลไป่และตระกูลหยาง ตระกูลหยางครอบครองทรัพยากรของเมืองไป่เห๋อหยางเกือบครึ่งหนึ่งของทรัพยากรทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ตระกูลหยางจึงได้รับการกล่าวขานว่า 'ขุมพลังที่สอง'
โดยปกติแล้วบุคคลที่ได้เกิดมาในตระกูลดังกล่าวถือเป็นคนมีบุญวาสนา แต่อย่างไรก็ตามในกรณีของหยางเฉินมิได้เป็นเช่นนั้น
ในช่วงวัยเด็กของเขา ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางเป็นที่รู้จัก ในฐานะที่เป็นผู้มีพรสวรรค์และปัญญาโดยกำเนิดที่ยอดเยี่ยม ทักษะการต่อสู้ของเขามีมากมาย และในเมืองไป่เห๋อหยาง เขาได้สร้างรากฐานของเขา ตระกูลหยางได้ขยายขอบเขตและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเด็กจำนวนนับไม่ถ้วนในตระกูล
มารดาของหยางเฉินเป็นหนึ่งในลูกหลานสายตรงของตระกูล และเป็นลูกสาวคนโตคนที่สามที่มีพรสวรรค์มาก เป็นอัจฉริยะซึ่งผู้คนในเมืองรู้จัก อย่างไรก็ตามบิดาของหยางเฉินเป็นลูกเขยที่มาอาศัยอยู่ในตระกูลของภรรยาของเขา หยางเฉินไม่ทราบว่าบิดาจอมเจ้าชู้ของเขาเป็นอย่างไรเมื่อยังเยาว์วัย ตั้งแต่ที่เขาจำความได้บิดาของเขาเอาแต่ดื่มเหล้าทุกวัน ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตามลำพังในที่มืดมิด ถูกทอดทิ้งในกระท่อมเก่าๆ เฝ้ารอความตาย
เพราะเป็นบิดาที่ไร้ประโยชน์ บุตรชายผู้โชคร้ายจึงติดร่างแหไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งของหยางเฉินจึงไม่ได้มีความสำคัญใดๆในตระกูลหยาง ไม่ได้มีแต่คนอื่นๆที่เย็นชาและไม่แยแสเขา แม้แต่มารดาของเขายังแกล้งทำเหมือนไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดเขา ดังนั้นเขาจึงเติบโตขึ้นโดยปราศจากคำสั่งสอนและมีนิสัยที่ผิดๆ เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าออกไปดื่มกินอย่างสนุกสนาน โดยมีอำนาจเหนือบุรุษและพิชิตใจสตรี นำไปสู่ความดีงามในชีวิต
เมินเฉยสายตาที่เย็นชาจากผู้เฝ้าประตู หยางเฉินเดินเข้าไปในลานที่พักอาศัย
ลานที่พักอาศัยเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง และสวนดอกไม้ที่สวยงาม แสดงให้เห็นถึงความสง่างามและประวัติความเป็นมาของตระกูลหยาง
ห่างจากเขาไปไม่กี่ก้าว มีคนอยู่สองคน คนแรกเป็นชายหนุ่มที่เย็นชา ดูเอาจริงเอาจัง สวมชุดคลุมสีขาวปักลวดลาย มันเป็นลูกชายของลุงคนที่สองของหยางเฉิน เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา 'หยางจ้าน'
ด้านหลังหยาง จ้านที่ยืนอยู่คือญาติห่างๆของเขาที่เรียกว่า 'เฉินหลิว' มันมีการแสดงออกที่น่าเกลียด หลังของเขามันค่อม และกำลังมองไปที่หยางจ้านด้วยใบหน้าที่ชื่นชม
เมื่อพวกมันเดินมาถึงด้านหน้าของหยางเฉิน พวกมันก็ขวางเส้นทางหยางเฉินโดยทันที
"ข้าได้ยินมาว่าพ่อที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าในที่สุดก็ตายแล้ว"
หยางจ้านเยาะเย้ยหยางเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการดูถูก
หยางจ้านมีชื่อเสียงที่ดีในเมืองไป่เห๋อหยาง ตอนอายุ 17 ปี เขาได้เข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 และการทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 4 สมควรได้รับการชื่นชม
หยางเฉินเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเยาว์ที่เหลืออยู่ในตระกูลหยาง ไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เข้าไปฝึกกับพวกเขา
ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก พวกเขาได้รับทรัพยากรมากมาย ทักษะการฝึกที่หายากของตระกูล ในขณะที่หยางเฉินไม่ได้สิ่งเหล่านี้
มารดาของเขามิได้กังวลเกี่ยวกับตัวเขา และคนอื่นๆยิ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะมอบบางสิ่งให้แก่เขา เขาเคยเข้าร่วมการแข่งขันในตระกูลในตอนที่เขายังเด็ก และแสดงให้เห็นถึงความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของเขาทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงและได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงทักษะการฝึกต่างๆของตระกูลได้ ควบคู่ไปกับการขาดการฝึกซ้อมและความไม่พอใจ เขาจึงไม่เคยพยายามที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 1
เขาเคยฝึกซ้อมอย่างลับๆ แต่ขาดทักษะและคำแนะนำ การแก้ไขขั้นตอนเล็กๆจึงทำได้ยากมาก
"ทำไมเจ้าถึงเงียบ? ข้าบอกว่าพ่อของเจ้าเป็นเศษขยะที่ไร้ประโยชน์ เจ้าปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง?"
หยาง จ้านยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินและมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
การกลั่นแกล้งเช่นนี้มิใช่ว่าหยางเฉินไม่เคยเจอมาก่อน แม้ว่าหยาง เฉินจะเป็นที่รู้จักของคนในเมือง แต่เมื่อกลับมาที่ตระกูลเขาก็เปรียบเหมือนสุนัข เขารู้จุดยืนของเขาในตระกูลดี ดังนั้นเขาจึงอดทนกล้ำกลืนและปล่อยผ่านสิ่งเหล่านั้นไป
แต่วันนี้ อาจเป็นเพราะความตายของบิดา แม้ว่าเขาจะดูสงบแต่ใจของเขากำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
"ไสหัวไปอย่าขวางทางข้า!"
เขาพูดอย่างเย็นชา เงยหน้ามองหยางจ้านแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
"น้องชายที่รักของข้า เจ้าพูดหยาบคายกับพี่ชายเยี่ยงนั้นได้อย่างไร เจ้ากำลังไม่พอใจข้า? เจ้าไม่ได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ใดๆ ในขณะที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางต้องเสื่อมเสีย มันมิใช่เรื่องธรรมดาที่ข้าจะสั่งสอนเจ้าเล็กน้อยหรือ?"
มันหัวเราะขณะที่กล่าว ไม่รอให้หยางเฉินตอบโต้ใดๆ มันชกไปที่ท้องของหยางเฉินและจากไปด้วยการเยาะเย้ย
หยางเฉินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และล้มลงไปกับพื้น
หยางจ้านเดินจากไป เฉินหลิวรีบวิ่งตามมันไปในทันที ขณะที่ผ่าน หยางเฉิน เขา มันหันไปมองรอบๆแล้วถมน้ำลายใส่หยางเฉิน ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้น หยางเฉินหลบได้อย่างรวดเร็ว
"โอ้ะโอ เจ้าหลบได้ ญาติข้า..สุนัขของตระกูลอย่างเจ้าค่อนข้างไวทีเดียว.."
หลังจากที่เยาะเย้ยหยางเฉิน มันรีบเร่งตามหยางจ้านไปทันที
สาวใช้ที่อยู่รอบๆบ้านต่างคุ้นเคยและไม่แปลกใจอะไรกับฉากพวกนี้อีกแล้ว
ไม่มีใครมาเห็นอกเห็นใจหยางเฉิน แต่กลับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน
หยางเฉินตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น มองไปด้านหลังของหยางจ้านและเฉินหลิว ดวงตาที่เต็มไปด้วยไหวพริบของเขา อัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
"ถ้าข้ากลายเป็นผู้ฝึกตน ถ้าข้าได้เข้าสู่ขอบเขตชีพจรมังกร ข้าจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน!"
"หยางจ้านและไอขี้ข้าเฉินหลิว ข้าจะจำความอัปยศในวันนี้ไว้ ถ้าข้ามีโอกาส..ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกเจ้าจะตายอย่างน่ากลัว!"
เขากำหมัดแน่น แล้วเดินไปยังสถานที่ที่บิดาของเขาอาศัยอยู่
หลายสิบปีที่ผ่านมา เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าใครที่สร้างความอัปยศแก่เขา ถ้ามีวันที่เขาประสบความสำเร็จ เขาจะทำให้แน่ใจว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป
นี่คือตัวตนของเขา และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มเพื่อนของเขาถึงได้เรียกเขาว่า 'หมาป่าในคราบแกะ'
บิดาของหยางเฉินชื่อ 'หลง ชิ่งหลาน' ซึ่งเป็นชื่อที่สละสลวยมาก พูดได้ว่าในวัยหนุ่มของเขา เขาเป็นคนที่ไร้ที่เปรียบในเรื่องของความเจ้าชู้ แม้กระทั่งท่านหญิงคนที่สามของตระกูลหยางยังหลงไหล (แม่ของหยางเฉิน)
เดินเข้าไปถึงทางเดินหน้าประตู ร่างของหลงชิ่งหลาน ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยผิวสีดำสนิท ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มสาวใช้ ห้องมีกลิ่นเหม็นเน่าซื่งเป็นผลจากกลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นปัสสาวะ
"เขามาที่นี่.."
เมื่อเห็นการมาถึงของหยางเฉิน กลุ่มสาวใช้รีบหลีกทางไปเหมือนทำหน้าที่ของพวกนางเสร็จสมบูรณ์แล้ว
สายตาของหยางเฉินจดจ้องอยู่ที่ร่างของหลงชิ่งหลานที่ขาดใจตายอยู่บนพื้น ผลลัพธ์เช่นนี้เขาสามารถคาดการณ์ได้มานานแล้ว
เขาก้มลงมองใบหน้าที่ดำสนิท
"สุดท้ายแล้วท่านเป็นคนเช่นไรกันแน่? เวลา 16 ปีที่ผ่านมาข้ารู้สึกว่าข้าไม่เคยเข้าใจท่านและท่านก็ไม่ยอมให้ข้าเข้าใจท่านด้วย สิ่งที่น่าเศร้าคือ ยืนอยู่ที่ตรงนี้ข้ารูสึกเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากัน ท่านพ่อ ท่านพ่อ.. ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นลูกชายอกตัญญู แม้ในขณะที่ท่านจากไป ข้าก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะหลั่งน้ำตา"
แต่เดิมเขาคิดว่าตัวเองใจร้าย และปัจจุบันในใจของเขาปรากฏร่องรอยความขมขื่นอย่างไม่คาดคิด
เขาเสียสูญอยู่สักพัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก หยางเฉินกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว สตรีคนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีชมพูกับผูกผมของนาง เดินผ่านกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่เข้ามา นางเหลือบมองไปที่ศพของหลงชิ่งหลาน แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายนี้ได้จากไปแล้ว หยางเฉิน..เขาเป็นพ่อของเจ้า และเพราะเจ้ามีความสัมพันธ์กับเขา เจ้าควรหาสถานที่ฝังศพให้เขา"
เมื่อพูดเสร็จแล้ว นางก็จากไปทันทีโดยไม่รอให้หยางเฉินกล่าวอันใด
หยางเฉินยิ้ม เขาคุ้นเคยกับเรื่องนี้แล้ว มองไปที่หลงชิ่งหลานพร้อมกล่าวเยาะเย้ยว่า "ท่านพ่อ รูปลักษณ์ของท่านถือว่าหล่อเหลามากเมื่อยามเยาว์วัย ชื่อเสียงของท่านเลื่องลืออย่างกว้างขวาง ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหลังจากการตายของท่าน ผู้หญิงของท่านแทบไม่ได้มองไปที่ศพของท่านเลย"
ในใจของเขาหดหู่อย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา
หยางเฉินไม่สนใจทุกสิ่ง นำศพของหลงชิ่งหลานไปไว้ด้านหลังของเขา โดยเมินเฉยสายตาแปลกๆที่มองมาทางเขา และเดินไปทางออกของลานที่พักตระกูลหยาง เขาเรียกรถม้าและแสดงเป็นคนขับรถม้าส่วนตัว นำศพของหลงชิ่งหลานออกจากเมือง หลังจากเจอสถานที่สวยงามในป่า หยางเฉินเดินสำรวจสภาพแวดล้อม
"เนินเขาที่เขียวชอุ่มและน้ำที่ใสสะอาด พร้อมด้วยดอกไม้ส่งกลิ่นหอมหวาน เสียงปักษาร่ำร้อง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอันยาวนานของท่าน นอกจากนี้ในอากาศยังอัดแน่นไปด้วยพลังหยิน ข้าคิดว่าอาจจะมีสตรีจำนวนมากอยู่รอบๆ ถ้าท่านยังมีความเจ้าชู้แม้แต่ในชีวิตหลังความตาย และอยากให้ข้ามีแม่คนที่สอง และสถานที่สวยงามนี้ ควรที่จะเป็นสถานที่ในช่วงเวลาการสานสัมพันธ์ของท่านที่หาเปรียบมิได้"
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้า 'หยางเฉิน' ยังคงเป็นลูกชายของท่าน และครึ่งหนึ่งของเลือดและเนื้อของข้าก็ได้รับมาจากท่าน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ท่านจากไปในเวลานี้ และข้าก็ยังมิได้ประสบความสำเร็จใดๆ สิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าจะทำให้ได้คือการฝังท่านไว้ไนสถานที่แห่งนี้ ถ้าท่านกลายเป็นผีและได้รับอำนาจวิเศษใดๆ โปรดให้พรของท่านแก่ข้า เพื่อที่ข้ายังคงสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้"
ขณะที่มองใบหน้าหมองมัวและไม่มีชีวิตชีวาของหลงชิ่งหลาน เขารู้สึกตกใจที่เจอน้ำตาที่ไหลบนใบหน้าของบิดาเขา
หยางเฉินรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเขา ปราศจากคำพูดใดๆ เขาใช้นิ้วมือขุดหลุมฝังศพ เขาขุดดินที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาด้วยมือเปล่าของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เคยฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาก่อน แต่เขาก็มีพรสวรรค์ หลังจากหลายปีที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่ได้รับการฝึกฝนร่างกาย ร่างกายของเขาไม่ได้อ่อนแอเลย การขุดหลุมขนาดใหญ่มิได้เป็นปัญหาสำหรับเขา
ขณะที่เขาเตรียมที่จะฝังหลงชิ่งหลาน หลงชิ่งหลานก็เปิดตาขึ้น
หยางเฉินร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว ขณะที่เขาเข้าใจว่าร่างของบิดาอาจจะยังไม่ตาย แม้ว่าจะเป็นบิดาของเขา เขาก็ผลักลงไปในหลุมทันที
มองไปยังคนที่อยู่ในหลุม หยางเฉินอยู่ในอาการตื่นตระหนก ขณะที่เขาลังเลและกล่าวออกมาว่า "ท่าน... ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับท่านเลย และวันนี้ข้าได้ขุดหลุมฝังศพให้ท่าน เพื่อให้ท่านพักผ่อนอย่างสงบสุข"

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น