DBWG บทที่ 47 : บุรุษผู้ที่ปัสสาวะสามครั้งอย่างมหัศจรรย์
DBWG บทที่ 47 : บุรุษผู้ที่ปัสสาวะสามครั้งอย่างมหัศจรรย์
เท่านั้นแล้วหลงเฉินบอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับผลกระจายวิญญาณกับคนอื่นๆ ผู้ก่อตั้งหยางแสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดและเขาขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลไป่ก็ได้ค้นพบมันเช่นกัน
หลงเฉินไม่ได้กล่าวถึงนิกายโลหิตแดงศักดิ์สิทธิ์เพราะกลัวว่าผู้ก่อตั้งหยางอาจจะตกใจเกินไป
ในที่สุดผู้ก่อตั้งหยางก็เปล่งเสียงดังและกล่าวว่า "นี่เป็นเพราะผลกระจายวิญญาณที่ทำให้ไป่เฉิงต้องการที่จะกำจัดตระกูลหยางของข้า ไม่น่าแปลกใจเลย ตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์สามารถตายเพื่อความมั่งคั่งและนกสามารถตายเพื่อเป็นอาหาร"
ไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าของเขาก็เย็นชาและกล่าวว่า "ตั้งแต่ที่ตระกูลไป่ได้กลายเป็นแข็งแกร่งเหนือตระกูลหยางของเรา หากพวกเขาได้รับผลกระจายวิญญาณและอนุญาตให้ไป่เฉิงตัดผ่านขอบเขตแดนเทวะแล้ว ตระกูลหยางของข้าจะพินาศสิ้นโดยไม่มีข้อแม้ ดังนั้นสำหรับผลกระจายวิญญาณ ข้า หยางคังฉง แน่นอนว่าต้องต่อสู้กับเขาเพื่อให้ได้มัน! "
หยางฉิงซวนพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า "ผลกระจายวิญญาณมี 3 ผล ถ้าตระกูลไป่ได้รับไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลหยางของเราจะไม่มีฐานะในเมืองไป่เห๋อหยางอีกต่อไป ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตอนนี้ตระกูลไป่มีผู้ฝึกตนสองคนอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 9 และขั้นที่ 8 แต่สำหรับตระกูลหยางของเรา...... "
ทุกคนหันไปมองหลงเฉิน และผู้ก่อตั้งหยางถามหลงเฉินอย่างกระวนกระวายว่า "หลงเฉิน ระดับความสามารถของเจ้าเป็นอย่างไรในยามนี้?"
เดิมตระกูลหยางมีความแข็งแกร่งด้อยกว่าตระกูลไป่เล็กน้อย แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าไป่หลี่จะปรากฏตัวขึ้น และหลงเฉินเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดของตระกูลหยาง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดกังวลอย่างมากกับความสามารถของหลงเฉิน
หลงเฉินคิดสักพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ท่านปู่ ถ้าเรากำลังต่อสู้ ท่านก็ต้องจัดการกับไป่เฉิง สำหรับคนอื่นๆและสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดใดๆที่อาจเกิดขึ้น ให้ข้าจัดการกับพวกมัน! "
หลงเฉินคิดสักพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ท่านปู่ ถ้าเรากำลังต่อสู้ ท่านก็ต้องจัดการกับไป่เฉิง สำหรับคนอื่นๆและสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดใดๆที่อาจเกิดขึ้น ให้ข้าจัดการกับพวกมัน! "
คำกล่าวของหลงเฉินหมายความว่าเขามีความสามารถในการจัดการกับไป่หลี่ ผู้ก่อตั้งหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็แทบจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของศัตรูได้ อย่างไรก็ตามตัวแปรในการต่อสู้นั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเราจึงควรเตรียมพร้อมในช่วง 2-3 วันต่อจากนี้ ถ้าตระกูลไป่ไม่ได้ถูกทำลายล้าง ข้าไม่สามารถพักผ่อนและทานกินอาหารได้อย่างสงบ......"
ถ้ากลุ่มที่เรียกว่านิกายโลหิตแดงศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว มันคงจะไม่ใช่การต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน แต่เป็นการทำลายล้างของฝ่ายเดียว มองไปที่ใบหน้าชราของชายชราคนนี้ หลงเฉินไม่สามารถทนต่อความจริงเช่นนี้ได้
"โอ้ ดี ข้าจะทำงานหนักขึ้นเล็กน้อยและถ้ามีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดใดๆ ข้าจะทำให้มั่นใจได้ว่าตระกูลหยางของเราจะไม่เกิดอันตรายใดๆ ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่"
หลงเฉินนอนอยู่บนเตียงของตัวเอง
"นี่ เจ้ายังคิดถึงการต่อสู้แย่งชิงผลกระจายวิญญาณอยู่อีกหรือ?"
หลิงซีโผล่ออกมาจากดาบหลิงซีและมองไปที่หลงเฉิน ผู้ซึ่งดูเหมือนจะจมอยู่ในภวังค์
"ไม่ใช่สิ่งที่จะคิดมาก ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 และหลังจากใช้เปลี่ยนร่างจิตวิญญาณมังกร เสริมร่างกายและปราณฉีจะมีแระสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าของปราณฉีตามปกติ เป็นปกติที่ข้าจะไม่กลัวไป่หลี่ อย่างไรก็ตามถ้านิกายโลหิตแดงศักดิ์สิทธิ์ส่งผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 9 มา แล้วตระกูลหยางของเราน่าจะพบกับความโชคร้าย"
หลิงซียืนอยู่ตรงหน้าอกของเขาและหลังจากมองหลงเฉินเนิ่นนาน นางก็กล่าวอย่างเสียใจว่า "คนเช่นเจ้า ครั้งสุดท้ายเจ้าเกลียดท่านแม่มาก แต่ตอนนี้เจ้าไม่สามารถอดทนรอที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องนางได้ เจ้าเป็นคนแปลกประหลาด ข้าบอกมานานแล้วว่าจะมีมารดาคนใดในโลกนี้ที่ไม่รักบุตรของนางได้อย่างไร เจ้าเพียงแต่คิดเพียงเหยียดหยัน"
ทันใดนั้น หลงเฉินก็ลุกขึ้นจากเตียงและกล่าวกับหลิงซี "กลับเข้าไปก่อน ข้าจะออกไปข้างนอก"
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลิงซีจะปรากฏตัว ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิบัติตามและเม้มริมฝีปากของนางแล้วถามว่า "เจ้าควรฝึกฝนการบ่มเพาะของเจ้าอย่างขยันขันแข็ง เจ้าต้องการจะออกไปเพื่ออะไร?"
หลงเฉินไม่ได้กล่าวเหตุผลกับนางและเดินออกจากห้องด้วยตัวเขาเอง หลิงซีขมวดคิ้วมองหลงเฉินและสามารถทำได้เพียงกลับเข้าไปในดาบหลิงซีอย่างหมดหนทาง
"ซีน้อย ประสิทธิภาพจากหญ้าฝันวิญญาณจะอยู่อีกนานเท่าใด?"
ถูกกล่าวถามเรื่องนี้อย่างฉับพลันโดยหลงเฉิน หลิงซีกล่าวว่า "ข้าไม่รู้ น่าจะประมาณสิบวันหรือมากกว่านั้น"
หลเฉินพยักหน้า ตอนนี้เขามีระดับความแข็งแกร่งที่ดีและแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เปลี่ยนร่างจิตวิญญาณมังกร แต่เขาก็สามารถเอาชนะขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 เขาออกจากตระกูลหยางทันที มุ่งหน้าไปทางทิศทางของตระกูลไป่ในขณะที่ปกปิดรูปลักษณ์ของเขา หลิงซีถามอย่างกังวลใจ: "นี่ เจ้าจะไปที่ตระกูลไป่หรือ?"
"คนขี้โกงเช่นเจ้าคงไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ!"
หลิงซีรู้สึกหงุดหงิดมากจนไม่ห่วงใยเขาอีกต่อไป
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงตระกูลไป่และหลงเฉินซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ลับๆและกล่าวว่า "ซีน้อย หลังจากที่ข้าเข้าไป ถ้ามีผู้ฝุกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 8 จากตระกูลไป่ปรากฏตัวขึ้น ให้กล่าวเตือนข้า "
"ไม่ ข้าไม่สนถ้าเจ้าจะตาย"
หลังจากเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานานแล้ว องค์หญิงน้อยคนนี้ก็เปลี่ยนใจของนางและตกลงที่จะช่วยเหลือ หลงเฉินรู้สึกเสียใจอย่างมากเป็นล้านเท่า เขาตัดสินใจที่จะไม่กล่าวคำไม่สุภาพกับสาวน้อยคนนีี้อีกในอนาคต
หลังจากแอบย่องเข้าไปในตระกูลไป่ หลงเฉินเดินรอบ ๆ อย่างระมัดระวังและ หลิงซีก็ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของนางได้ จึงถามว่า "นี่ เจ้ากำลังมองหาอะไร?"
"กำลังมองหาไป่ชวี่ตง"
หลิงซีนึกถึงอัจฉริยะที่ปัสสาวะรดตัวเองสองครั้งและเมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางพบว่ามันตลกมาก แต่เขาไม่รู้ตัวว่าหลงเฉินกำลังมองหาเขาอยู่ หลังจากนั้นไม่นานหลิงซีก็กล่าวว่า "พบเขาแล้ว เขานอนอยู่ในห้องนั้น"
ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วและ ไป่ชวี่ตงแท้จริงแล้วยังหลับอยู่ หลงเฉินรู้สึกประทับใจจริงๆ ตามคำแนะนำของหลิงซี เขาเดินเข้าไปในห้องและตามที่คาดไว้ไป่ชวี่ตงยังคงหลับสนิท เขาแม้กระทั่งน้ำลายไหลทั่วหมอนของเขาและผ้าห่มได้ถูกเตะลงบนพื้น
ไม่ต้องกล่าวอื่นใด หลงเฉินก็รีบบีบคอของเขาและบังคับให้เขาตื่น เมื่อไป่ชวี่ตงเปิดเปลือกตาของเขาและเห็นปีศาจหลงเฉินอย่างฉับพลัง ฝันร้ายที่กำลังบีบคอของเขาอยู่ในขณะนี้ เขาตกใจมากและหวาดกลัวจนเขาต้องการจะกรีดร้อง แต่คอของเขาถูกบีบโดยหลงเฉินและไม่สามารถเปล่งเสียงได้แม้แต่น้อย
"อย่าขยับและอย่าส่งเสียงดัง ถ้าไม่อยากตาย"
ไป่ชวี่ตงสั่นกลัวและตื่นขึ้นมาจากความฝันของเขา ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป เขามองหลงเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
มองเห็นความรู้สึกสิ้นหวังและการแสดงออกเช่นนี้ หลงเฉินโกรธและกล่าวว่า "หยุดร้องไห้เช่นคนน่าเบื่อ! ข้าจะถามคำถามเจ้าและถ้าเจ้าเชื่อฟังแล้วตอบข้า ข้าจะไม่เรียกร้องชีวิตของเจ้า แต่ถ้าเจ้าพยายามที่จะเล่นตลกอันใดกับข้า เจ้าจะเป็นเช่นไป่ชวี่เฉินและคนอื่นๆ!"
การคิดถึงสภาพที่น่าสมเพชของไป่ชวี่เฉินและคนอื่นๆ ใบหน้าของไป่ชวี่ตงก็กลับกลายเป็นซีดขาว หลงเฉินรู้ว่าคนๆนี้ไม่มีกระดูกสันหลังและไม่ต้องใส่ใจอีกต่อไป เขาถามว่า "บอกข้าว่าเจ้าได้รับหญ้าฝันวิญญาณได้อย่างไร?"
หลังจากได้ยินคำว่า 'หญ้าฝันวิญญาณ' แล้ว หลิงซีก็รู้ถึงจุดประสงค์ของหลงเฉินและคิดว่าเขาเสี่ยงอันตรายโดยการบุกเข้าที่พักอาศัยของตระกูลไป่เพื่อนาง หลิงซีรู้สึกประทับใจมาก
"เจ้าคนเลว ทำไมเจ้าไม่บอกก่อนหน้านี้ ถ้าเจ้าบอก ข้าจะไม่โกรธเจ้า ...... "
หลิงซีมีความรู้สึกอ่อนหวานในใจ
คำถามของหลงเฉินทำให้ไป่ชวี่ตงกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ "ข้าจะบอกเจ้า ข้าจะบอกเจ้า ผู้นำตระกูลเหลียง เหลียงเฉิน มันขายให้ข้า เจ้าควรจะรู้จักเขา?"
เหลียงเฉิน? หลงเฉินพอจะเฉลียวใจว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นผู้นำของกลุ่มเล็กๆในเมืองไป่เห๋อหยางและความแข็งแกร่งของเขาคือขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7
ตอนนี้เขาได้ค้นพบสิ่งที่เขาต้องการรู้แล้ว หลงเฉินก็เตรียมพร้อมที่จะออกจากตระกูลไป่ อย่างไรก็ตามถ้าเขาจะออกไป ไป่ชวี่ตงจะต้องเรียกร้องขอความช่วยเหลือทันที แน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นการทำให้ไป่ชวี่ตงหมดสติเป็นสิ่งที่จำเป็น
หลังจากที่ไป่ชวี่ตงกล่าวเสร็จแล้ว เขาคิดว่าหลงเฉินจะไม่ทำร้ายเขา แต่ใครจะรู้ได้ เมื่อเขามองตาของหลงเฉิน หลงเฉินมีสายตาที่ชั่วร้าย เขากลัวมากจนกระทั่งดวงวิญญาณของเขาแทบจะหลุดลออยออกไปและเมื่อถึงจุดนี้หลงเฉินก็ส่งหมัดไปที่เขา ให้เขาหมดสติ
กลิ่นของปัสสาวะแทรกซึมเข้าไปในจมูกของเขาและหลงเฉินรู้สึกว่าเขาสามารถล้มลงคุกเข่าได้ทันทีต่อหน้าไป่ชวี่ตง
"ข้าได้เห็นเจ้าทั้งหมดสามครั้งและในแต่ละครั้งเจ้าได้มอบรางวัลแก่ข้าด้วยปัสสาวะ เช่นของขวัญที่สูญเปล่า ข้ารู้สึกพอใจมาก...... "
เมื่อเห็นฉากนี้จากด้านในดาบหลิงซี หลิงซีก็ยังหัวเราะไม่หยุด
ไม่นานนักเขาก็ออกจากตระกูลไป่ แต่แล้วหลงเฉินก็เดินตรงไปยังตระกูลเหลียง ตระกูลเหลียงตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของเมืองไป่เห๋อหยาง หลังจากนั้นไม่นาน หลงเฉินก็ได้เดินทางไปที่นั่น
ผู้นำของตระกูลเหลียงเป็นคนร่างใหญ่ เมื่อยามที่หลงเฉินสังหารไป่จ้านซ่ง เขาก็อยู่ที่นั่นและได้รับการข่มขู่โดยวิธีการของหลงเฉิน เมื่อมาถึงจุดนี้หลงเฉินกำลังมองหาเขา เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยในขณะที่เขาต้อนรับหลงเฉินเข้าไปในตระกูลของเขาและต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นด้วยไวน์ชั้นดี
หลงเฉินเดินตรงไปยังจุดนั้นและกล่าวว่า "ผู้นำตระกูลเหลียง คราวนี้ข้ากำลังมองหาท่านเพราะเรื่องหญ้าฝันวิญญาณ ข้าได้ยินมาว่าไป่ชวี่ตงได้ซื้อหญ้าฝันวิญญาณจากท่าน ดังนั้นข้าสงสัยว่าท่านยังมีเหลืออยู่หรือไม่? ถ้าเป็นเรื่องเงินข้าจะไม่ปฏิบัติกับท่านอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน"
ได้ยินหลงเฉินกล่าวถึงหญ้าฝันวิญญาณ ผู้นำตระกูลเหลียงได้เผยความรู้สึกขมขื่นและกล่าวว่า "ข้าต้องขอโทษจากใจ ข้าได้พบหญ้าฝันวิญญาณเพียงครั้งเดียวในชีวิตของข้า และข้าขายให้ไป่ชวี่ตง ถ้าท่านต้องการหญ้าฝันวิญญาณเพิ่มเติม ข้าไม่มีทางแก้ปัญหาใดๆ ให้ท่านได้เลย"
หลงเฉินไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงยังคงถามต่อไปว่า "แล้วท่านช่วยแจ้งให้ข้าทราบได้หรือไม่ว่าท่านเจอหญ้าฝันวิญญาณได้อย่างไร?"
เห็นได้ชัดว่าหลงเฉินต้องการหญ้าฝันวิญญาณนี้มากและในเมืองไป่เห๋อหยางมีตระกูลหยางเป็นผู้ปกครอง เป็นธรรมดาที่ผู้นำตระกูลเหลียงต้องการสร้างความสัมพันธ์บางอย่างกับพวกเขา เขากล่าวว่า "มันอยู่ในดินแดนสัตว์อสูรรกร้าง ข้าสามารถชี้ตำแหน่งสถานที่ของหญ้าฝันวิญญาณให้กับท่านได้โดยประมาณ อย่างไรก็ตามนายน้อยเฉิน มีอันตรายมากมายในดินแดนสัตว์อสูรรกร้าง......"
หลงเฉินขัดเขาและกล่าวว่า "ถ้าท่านให้แผนที่กับข้า ข้าจะตอบแทนท่านในอนาคต!"
เพียงเท่านี้ ผู้นำตระกูลเหลียงก็พยักหน้าและอนุญาตให้น้องชายคนที่สองเป็นเจ้าบ้านให้กับหลงเฉินในขณะที่เขาไปเตรียมแผนที่
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หลงเฉินก็ได้รับแผนที่และเดินออกจากตระกูลเหลียง มุ่งหน้ากลับไปที่ตระกูลหยาง
"นี่ เหลือเวลาไม่มากแล้วที่ผลกระจายวิญญาณจะสุก และตอนนี้ตระกูลหยางต้องการเจ้ามากที่สุด และเจ้ายังคงต้องการที่จะไปดินแดนสัตว์อสูรรกร้างเพื่อค้นหาหญ้าฝันวิญญาณเพื่อข้า?"
"ผลกระจายวิญญาณมีเวลาประมาณแปดวันก่อนที่มันจะสุกและข้าต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อค้นหาและได้รับยาฟื้นฟูจิตวิญญาณบางอย่างให้เจ้า ในระหว่างการต่อสู้แย่งชิงผลกระจายวิญญาณ ข้าไม่รู้ว่าจะมีอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นหรือไม่ และถ้าข้าตาย อย่างน้อยเจ้าก็สามารถอดทนอยู่ด้วยยาจิตวิญญาณได้อีกนิด... และนี่ก็จะทำให้เจ้ามีความหวังแม้เพียงเล็กน้อยเพื่อจะอยู่รอด"
เมื่อเห็นหลงเฉินคิดถึงนาง หลิงซีก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้และแม้ว่าจะไม่มีน้ำตา นางก็ยังร้องไห้อยู่ภายในใจ
หลงเฉินหลั่งเหงื่อเย็นและกล่าวว่า: "สาวน้อย เจ้าร้องไห้ทำไม ข้าแค่บอกว่าข้าอาจจะตาย ไม่ใช่ว่าข้าตายไปแล้ว!"
จุดประสงค์หลักในการกลับไปตระกูลหยางคือการอำลาสมาชิกภายในตระกูล อย่างไรก็ตามหยางเสวี่ยฉิงไม่ได้อยู่ในตระกูลและผู้ก่อตั้งหยางออกไปในเมือง ยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับบทบาทของเจ้าเมือง เท่านั้นแล้วหลงเฉินก็หาหยางหลิงฉิงและสาวน้อยคนนี้กำลังอ่านฟันเจ็ดดาบหลอนประสาทอย่างกระตือรือร้น
การมาของหลงเฉิน ทำให้นางตกใจ
"เจ้ากำลังมองหาสิ่งใด? สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังเจ้า เป็นบางสิ่งที่เกี่ยวกับกามตัณหา?" หลงเฉินหยอกล้อหยางหลิงฉิง
ใบหน้าของหยางหลิงฉิงมืดมนและนางหยิบม้วนฟันเจ็ดดาบหลอนประสาทออกมากล่าวว่า "ดูสิและบอกข้าว่านี่เป็นบางสิ่งที่เกี่ยวกับกามตัณหาหรือไม่ ข้ามีพี่ชายเช่นเจ้า ผู้ซึ่งไม่เหมาะสมจะเป็นพี่ชายได้อย่างไร?"
หลงเฉินพลิกหน้าและจำได้ว่าหลิงฉิงและหลิงเยว่กำลังแข่งขันเพื่อดาบแก้วลวงตา เขาต้องการให้คำแนะนำแก่นาง เขาไม่เคยคาดคิดว่าหยางหลิงฉิงจะคว้าม้วนทักษะกลับไปแล้วกล่าว: "อย่าคิดแม้แต่น้อยว่าจะช่วยข้า นี่เป็นการต่อสู่ระหว่างพี่สาวหลิงเยว่กับข้า ถ้าเจ้าจะช่วยข้าให้ได้รับชัยชนะ ข้าจะไม่พอใจและเป็นธรรมดาที่ข้าจะสามารถกล่าวได้ว่าข้าไม่เหมาะสมกับดาบแก้วลวงตา"
เมื่อมองเห็นความดื้อรั้นของหญิงสาวคนนี้ หลงเฉินก็รู้สึกว่าทัศนคติของนางค่อนข้างคล้ายกับของเขา
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าข้าไม่ได้สอนเจ้าเพราะข้าไม่สามารถใส่ใจได้ โอ้ใช่. หลิงฉิง ข้าจะออกไปสักสองสามวันข้างหน้า เมื่อท่านปู่และคนอื่นๆกลับมาช่วยข้าถ่ายทอดข้อความนี้ให้กับพวกเขาและบอกว่าข้าจะกลับมาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด"
หยางหลิงฉิงมองหลงเฉินอย่างสงสัยและกล่าวว่า "ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคืออะไร? เจ้ากำลังจะไปไหน? ทำไมต้องทำตัวลึกลับ? มันอาจจะเป็นเรือนหยกเขียวมรกตหรือไม่? "

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น