DBWG บทที่ 45 : ข้าเลือดร้อน!


DBWG บทที่ 45 : ข้าเลือดร้อน!



ในการแข่งขันชิงตำแหน่งเจ้าเมืองระหว่างตระกูลไป่และหยาง ตระกูลหยางมีเพียงหนึ่งแก่นแท้พลังงานปีศาจและได้นับชัยชนะ ทั่วทั้งเมืองไป่เห๋อหยางนี่เป็นข่าวร้อนที่ถูกกล่าวถึงอย่างล้นหลามในระหว่างมื้ออาหาร


ทุกคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในความฝัน


"ถ้ารุ่นเยาว์ในตระกูลของข้าได้รับโอกาสในการเข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์ป่าปีศาจและหลบเลี่ยงรุ่นเยาว์จากตระกูลไป่และหยางแล้ว ตระกูลของเราอาจถือสิทธิ์ในตำแหน่งเจ้าเมืองไปแล้วในยามนี้"


หลายคนคิดเช่นนั้น


แม้ว่าพวกเขาจะรู้ผลอยู่แล้วใบหน้าของตระกูลไป่ก็ยังคงกลับกลายเป็นสีขึ้เถ้า เมื่อคุณชายหลางประกาศผลสำเร็จในการชิงตำแหน่งเจ้าเมือง


ไป่เฉิงไม่ได้กล่าวใดๆและออกจากเวทีเพื่อไปสมทบกับสมาชิกในตระกูลไป่ของเขา และมองไปที่ผู้ก่อตั้งหยาง ผู้ซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าคุณชายหลาง


เมื่อถึงจุดนี้เสียงที่ชัดเจนของคุณชายหลางก็ดังขึ้น "ตระกูลหยางได้รับสิทธิในตำแหน่งเจ้าเมืองแล้ว และด้วยเหตุนี้ผู้รับบทบาทการปกครองในเมืองไป่เห๋อหยาง หยางคังฉงจะเป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองไป่เห๋อหยาง เมืองไป่เห๋อหยางจะเป็นเมืองที่ปกครองโดยตระกูลตระกูลหลิงหวู่ของข้าและตำแหน่งเจ้าเมืองหมายถึงผู้ถืออำนาจของตระกูลหลิงหวู่ ถ้าพวกเจ้ามีร่วมมือกันในการท้าทายอำนาจของเจ้าเมืองจะถือว่าท้าทายเกียรติของตระกูลหลิงหวู่ด้วย! "


ด้วยการได้รับการคุ้มครองจากตระกูลหลิงหวู่ ผู้ก่อตั้งหยาง อาจได้รับการพิจารณาให้เป็นนายเหนือหัวในเมืองไป่เห๋อหยางในขณะนี้


ถึงแม้เขาจะสวมเสื้อคลุม แต่ประกายเย็นชาในสายตาของคุณชายหลางก็ยังส่งความหนาวเหน็บลงไปถึงกระดูกสันหลังของไป่เฉิงและคนอื่นๆ พวกเขารู้ว่าคำกล่าวของคุณชายหลางไม่มากหรือน้อยส่งตรงมายังพวกเขา


"ให้ข้ากล่าวถาม เพียงแต่ถ้าตระกูลไป่มีสมาชิกในตระกูลสามคนที่ตัดผ่านขอบเขตแดนเทวะได้ สิทธิของเจ้าเมืองเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ความหมายหรือไม่? นอกจากนี้ถ้าข้าจะสังหารหยางคังฉง ตระกูลหลิงหวู่จะจดจำสถานที่เล็กๆแห่งนี้ที่เรียกว่าเมืองไป่เห๋อหยางหรือไม่ "


"โอ้ ใช่ พวกท่านรู้เรื่องผลการจายวิญญาณแล้ว ดังนั้นขอเพียงให้มีการต่อสู้กัน ถ้าเขากำลังจะตายในขุนเขาแห้งแล้ง ตระกูลหลิงหวู่จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นคนที่กระทำ? "

คิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของไป่เฉิงเผยให้เห็นถึงการแสดงออกที่ร้ายกาจและไป่หลี่ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเขาเผยให้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสซึ่งมีเจตนาร้ายต่อผู้ก่อตั้งหยาง


เมื่อมาถึงจุดนี้ คุณชายหลางได้หยิบกระเป๋าผ้าสีเหลืองเข้มออกมาซึ่งมีตราประทับสีแดงโลหิตสลักอยู่บนตัวมันและพลังงานจิตวิญญาณที่ลึกลับซึ่งเปล่งประกายออกมาจากมัน


เมื่อมองเห็นกระเป๋าแปลกๆนี้ รูม่านตาของไป่หลี่และไป่เฉิงก็หดลงและคนอื่นๆก็มีการแสดงออกที่แปลกประหลาดด้วย


"มันเป็นกระเป๋าจักรวาล!"


หยางฉิงซวน ผู้ซึ่งอยู่ข้างๆหลงเฉินก็เผยแววตาตื่นเต้นและเห็นรูปลักษณ์ที่สงสัยของหลงเฉิน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "กระเป๋าจักรวาลมีผลมหัศจรรย์และสามารถบรรจุสิ่งต่างๆไว้ได้ อย่าดูถูกกระเป๋าเล็กๆนี้ พื้นที่ภายในอาจจะใหญ่เท่ากับศาลา มันเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ฝึกตนเมื่อออกเดินทาง! กระเป๋าจักรวาลนี้สามารถใส่สิ่งของมีค่าทั้งหมดของตระกูลหยางของเราลงไปได้ "


หลังจากฟังคำกล่าวขอหยางฉิงซวน  หลงเฉินก็จำได้ว่ามีวัตถุเช่นนี้อยู่


ถ้าใครจะเดินทางไปโลกภายนอกในขณะที่พกสิ่งของมีค่ามากมายก็คงจะสะดวกสบายมากขึ้นด้วยกระเป๋าจักรวาล หลงเฉินเล่าถึงความยุ่งยากที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาต้องพกเอาหยกจิตวิญญาณ 500 ชิ้นติดตัวเขาไป


เมื่อมาถึงจุดนี้ แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความโลภในกระเป๋าจักรวาล คุณชายหลางยังคงประกาศต่อ: "ตระกูลหยางได้กลายเป็นผู้ปกครองในเมืองนี้และนี่คือทั้งหมดที่จะได้รับจากตระกูลหลิงหวู่ของข้า ถ้าตระกูลหยางสามารถที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จบางอย่างและจัดการสิ่งต่างๆในฐานะเจ้าเมืองได้ดี ตระกูลหลิงหวู่อาจมีรางวัลเพิ่มให้! "


ผลตอบแทนจากตระกูลหลิงหวู่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยและแม้ว่าหลายคนได้ยอมรับว่าตระกูลหยางควรจะถือสิทธิในฐานะเจ้าเมืองในเมืองไป่เห๋อหยางแล้ว แต่พวกเขาก็ค่อนข้างอิจฉาในรางวัลที่มอบให้จากตระกูลหลิงหวู่ โดยเฉพาะสมาชิกในตระกูลไป่ หลังจากที่เห็นว่าสิ่งที่ควรจะเป็นของของพวกเขากลับกลายเป็นของผู้ก่อตั้งหยางและตระกูลหยาง มือของไป่เฉิงบดขยี้พนักแขนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่จนแลกละเอียด


ยามนี้ เมื่อได้มอบชื่อเสียงและรางวัลแล้ว คุณชายหลางกล่าวกับผู้ก่อตั้งหยางว่า "ให้เจ้าทำงานของเจ้าอย่างสุดความสามารถ ข้าจะกลัมาที่เมืองไป่เห๋อหยางนี้ในภายหลัง "


เห็นว่าคุณชายหลางกำลังจะจากไป ผู้ก่อตั้งหยางรีบกล่าวว่า "ข้าขอน้อมส่งคุณชายหลาง!"


อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าคุณชายหลางจะหันไปทางหลงเฉินและกล่าวว่า "เจ้าตามข้ามา"


หลงเฉินงงงัน จากนั้นเขาก็เดินตามคุณชายหลางไปท้างด้านหลังลานจัตุรัสและเข้าซอยเล็กๆ คนนับหมื่นมองไปที่หลงเฉินในขณะที่เขาเดินตามคุณชายหลาง ไม่อาจรู้ได้ว่าคุณชายหลางมีความคิดอย่างไร


"อาจเป็นได้ว่าคุณชายหลางต้องการจะพาเขากลับไปเมืองหยวนหลิง เพื่อดูแลเขาหลังจากได้เห็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของเขา?"


ความเป็นไปได้นี้คือสิ่งที่ทุกคนตระหนักอยู่ภายในจิตใจของพวกเขา


แม้แต่ผู้ก่อตั้งหยางก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว แต่ลึกลงไปในใจของเขาเขาจะมีความสุขมากถ้าหลงเฉินได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้


สำหรับไป่เฉิงและไป่หลี่ พวกเขาทั้งสองมองกันและขมวดคิ้ว


"พี่ชายสอง ท่านคิดว่าคุณชายหลางต้องการจะพาเขาไปด้วยหรือไม่?"


ไป่หลี่ยิ้มแล้วกล่าวอย่างแดกดัน: "เจ้าคิดมากเกินไป เขาอยู่ที่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ในเมืองหยวนหลิงนั้นถือว่าเป็นขยะเท่านั้น ในรุ่นของเขามีผู้ฝึกตนจำนวนมากอยู่ในช่วงปลายของขอบเขตชีพจรมังกรและคุณชายหลางเป็นอัจฉริยะสุดยอดในตระกูลหลิงหวู่ เขาเป็นเพียงคนแคระที่มีบทบาทเพียงตัวตลกในสายตาของคุณชายหลางเท่านั้น"


หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวของไป่หลี่แล้ว ไป่เฉิงก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาระลึกถึงรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ก่อตั้งหยางและหยางคังฉงก็กลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองไป่เห๋อหยาง เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน


เนื่องจากคุณชายหลางไม่ได้กล่าวว่าเขากำลังจะจากไป คนนับหมื่นที่นี่จึงไม่กล้าออกไปและพวกเขาก็รออย่างใจจดใจจ่อ


คุณชายหลางเพิ่งถอดเสื้อคลุมหลังจากเดินเข้าไปในซอย เผยให้เห็นใบหน้าที่มีความงดงาม และหลังจากถอดเสื้อคลุมท่าทางเข้มงวดและเย็นชาได้หายไปในทันทีและสิ่งที่แทนที่มันเป็นกลิ่นอายไร้เดียงสา


การเปลี่ยนแปลงนี้มีมากเกินไปและ หลงเฉินแทบจะไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ความคิดของเขาค่อนข้างหยาบคายและตั้งแต่ที่เขาคิดว่าตัวเองคุ้นเคยกับคุณชายหลาง เขาก็ไม่ได้มากพิธีแต่อย่างใด เขายิ้มและถามว่า "ทำไมคุณชายหลางจึงมองหาข้า? อาจเป็นได้ว่าท่านได้ผิดหวังต่อข้า? "


ท่าทางของคุณชายหลางกลับกลายเป็นหิน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น: "เจ้าพูดสุภาพตลอดเวลาหรือไม่? อย่าเรียกข้าว่าคุณชายหลาง หลังจากที่ฟังพวกเจ้าเรียกข้าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ข้ารู้สึกอึดอัดมาก ข้าเรียกว่าโม่เซี่ยวหลาง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าเซี่ยงหลางได้"


โม่เซี่ยวหลาง?


หลงเฉินพึมพำชื่อนี้สองสามครั้งและเขาก็รู้สึกสนิทกับคุณชายหลางเพิ่มขึ้นร้อยเท่า ดังนั้นเขาจึงประเมินเด็กหนุ่มคนนี้และเห็นว่าคุณชายหลางกำลังจ้องมองที่เขาอย่างว่างเปล่า เขาก็กล่าวว่า "ทำไมเจ้าถึงมองข้า?"


โม่เซี่ยวหลางมองและกล่าวว่า "เมื่อเห็นว่าเจ้าได้กลายเป็นนักรบสัตว์ปีศาจแล้ว และจริงๆแล้วเจ้าได้ใช้วิธีการบ่มเพาะในรูปแบบของนักรบสัตว์ปีศาจภายในเมืองไป่เห๋อหยางเล็กๆนี้ ข้าค่อนข้างแปลกใจ อย่างไรก็ตามนี่เป็นความลับของเจ้า ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับข้าที่จะถาม ความสามารถในการก้าวข้ามจากขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 ไปขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ในหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ความสามารถของเจ้าไม่ธรรมดา ดังนั้นข้าต้องการถามเจ้า หากเจ้ายินดีที่จะกลับไปพร้อมกับข้า ไปที่ตระกูลหลิงหวู่ ข้าคิดว่าเจ้าจะสามารถได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ได้"


โม่เซี่ยวหลางดูเหมือนจะประเมินความสามารถของเขาไว้สูง หลงเฉินรู้ดีและคาดหวังในคำกล่าวเหล่านี้


หลงเฉินต้องการไปสถานที่ที่ยอดเยี่ยมและบ่มเพาะตัวเอง อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่เขาต้องทำในเมืองไป่เห๋อหยางอยู่ในยามนี้ เขาสามารถกล่าวคำขอโทษได้เท่านั้น "กล่าวด้วยความสัตย์จริง ข้ารู้สึกซาบซึ้งและประทับใจที่เจ้าเห็นคุณค่าของข้า แต่ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำในเมืองไป่เห๋อหยาง ดังนั้น...... "


โม่เซี่ยวหลางเม้มริมฝีปากของเขาและกล่าวว่า "มันเป็นเพราะผลกระจายวิญญาณ? อันที่จริงตอนนี้มันเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมเลยทีเดียว ข้าต้องรีบกลับไปเมืองหยวนหลิงเพื่อจัดการเรื่องบางอย่าง ไม่เช่นนั้นข้าจะมอบผลกระจายวิญญาณต่อเจ้า"


หลงเฉินนิ่งงันเมื่อมาถึงจุดนี้ เขารู้สึกเสมอว่าผู้เยาว์คนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างเป็นคนดี เป็นไปได้หรือไม่ว่าเพราะเขาได้เห็นหลงเฉินช่วยชีวิตเด็กเล็กๆก่อนหน้านี้ หรือว่าคนผู้นี้แท้จริงแล้ว......มีรสนิยมแปลกๆหรือไม่?


เส้นผมของหลงเฉินตั้งขึ้น และเขาจ้องมองโม่เซี่ยวหลางเปลี่ยนไปเล็กน้อย


เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของหลงเฉิน โม่เซี่ยวกหลางเกาหศรีษะของเขาด้วยความสับสนและถามว่า "เจ้ากลัวข้าจะแย่งผลกระจายวิญญาณหรือ? ผลกระจายวิญญาณไม่มีค่าสำหรับข้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามหากเจ้าต้องการผลกระจายวิญญาณนี้ให้ไปที่เมืองหยวนหลิงในอนาคต การได้รับผลกระจายวิญญาณเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงสำหรับเจ้า"


เมื่อเห็นว่าคนๆนี้มีความกังวลมากขึ้น หลงเฉินก็รู้ดีว่าเขาเลวร้ายมากเกินไป


อย่างไรก็ตามเรื่องนี้โม่เซี่ยวหลางมีความตั้งใจที่ดี ดังนั้นหลงเฉินรีบบอกว่า "ถ้าเรื่องในเมืองไป่เห๋อหยางได้รับการแก้ไขแล้ว ข้าอาจจะไปที่เมืองหยวนหลิง"


โม่เซี่ยวหลางรู้สึกอายเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า: "ทักษะแก่นแท้สวรรค์ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เจ้าสามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ เนื่องด้วยกรณีดังกล่าว ข้าจะกลับไปเมืองหยวนหลิงก่อนเป็นอันดับแรก ในกระเป๋าจักรวาลนี้มีเหรียญตราของข้า ถ้าเจ้านำไปที่ตระกูลหวู่หลิง ตามปกติจะมีคนนำเจ้าไปหาข้า"


หลงเฉินพยักหน้า


โม่เซี่ยวหลางมองไปที่เขาอีกสักพักแล้วกล่าวว่า: "ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้า"


หลงเฉินรู้สึกตกใจและกล่าว "ข้าหลงเฉิน"


"เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลหยาง ทำไมเจ้าถึงแซ่หลง?"


"......ท่านแม่ของข้ามาจากตระกูลหยางและแซ่ของท่านพ่อข้าคือหลง"


โม่เซี่ยวหลางพยักหน้าและพูดว่า: "มิน่าเล่า"


หลงเฉินยังคงสับสนอยู่ ทำไมโม่เซี่ยวหลางจึงปฏิบัติต่อเขาดีเช่นนี้? เมื่อมาถึงจุดนี้เห็นว่าโม่เซี่ยวหลางกำลังจะจากไป เขาก็ถามอย่างไม่อาจควบคุมได้ "มอบทักศะแก่นแท้สวรรค์แก่ข้า และกระเป๋าจักรวาลนี้ด้วย ทำไมเจ้าถึงปฏิบัติต่อข้าอย่างดี?"


ราวกับว่ากำลังคาดเดาคำถามของหลงเฉิน โม่เซี่ยวหลางยิ้มบางและกล่าวเบาๆว่า "จริงๆ แล้วข้าไม่แน่ใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่บางครั้งความรู้สึกที่สัมผัสได้จากเจ้าค่อนข้างคล้ายกับพี่ชายของข้า เขาค่อนข้างเกเรในลักษณะท่าทางของเขาและมักจะชักจูงให้ข้าทำสิ่งที่ไม่ดี เมื่อตอนที่ข้ายังเด็กอยู่ เขาพาข้าไปแอบดูแม่บ้านตอนที่กำลังอาบน้ำอยู่หรือโกหกท่านพ่อของข้าเกี่ยวกับการถูกใครบางคนลักพาตัว ...... "


ใบหน้าของโม่เซี่ยวหลางได้เผยความรู้สึกมีความสุขเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ แม้กระนั้นการพูดเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ต่อหน้าหลงเฉินดูเหมือนจะไม่เหมาะสม แต่เขาก็ยิ้มออกมา


ดังนั้นกรณีเช่นนี้......


หลงเฉินยิ้มและกล่าวว่า "เจ้าแข็งแกร่งมาก ข้าแน่ใจว่าพี่ชายของเจ้าต้องแข็งแกร่งกว่าเจ้าถูกหรือไม่? "


ในไม่ช้าใบหน้าของโม่เซี่ยวหลางกลับกลายเป็นมืดมนและสายตาขแงเขาถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง เขากำหมัดแน่นแล้วส่ายหน้า "แต่เดิมเขามีพลังมากกว่าข้า แต่เขาตายไปแล้ว พวกเขาตกตายไปแล้ว ...... "


หลงเฉินรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นการแสดงออกที่เจ็บปวดนี้ของโม่เซี่ยวหลาง เขาคิดถึงความรู้สึกของตัวเองเมื่อหลงชิ่งหลานตกตาย เขาขบริมฝีปากของเขาถอนหายใจและกล่าวว่า: "ขอโทษ ที่ข้าต้องทำให้เจ้าคิดถึงเรื่องโศกเศร้าในอดีต"


"ไม่ต้องกังวล มันเป็นเพียงเพราะข้าร้ประโยชน์และไม่สามารถแก้แค้นให้กับพวกเขาได้ในยามนี้ ตอนนี้ข้ายังคงมีเรื่องอยู่บ้างที่เมืองหยวนหลิง ดังนั้นข้าจึงต้องไป จำไว้ เจ้าต้องมาหาข้าเมื่อเจ้ามาที่เมืองหยวนหลิง! "


"แน่นอน!"


เมื่อมองร่างที่จากไปของโม่เซี่ยวหลาง หลงเฉินก็คิดถึงคำกล่าวของผู้ก่อตั้งหยาง


"เด็กน้อย ให้ข้ากล่าวเตือนเจ้า เมื่อเจ้ากำลังออกเดินทางสร้างชื่อสำหรับตัวเจ้าเองในอนาคตและมีคนที่เจ้าสามารถเรียกหาเป็นพี่ชายของเจ้าได้ เจ้าต้องทำให้ชัดเจนโดยการตรวจสอบว่าหัวใจของเขาทำจากพิษหรือโลหิต...... "


ทันใดนั้นมุมปากของหลงเฉินก็ยกขึ้น


"ข้าเลือดร้อน เซี่ยวหลาง แล้วเจ้าล่ะ? "

ความคิดเห็น