DBWG บทที่ 22 : ดัชนีกาฬสวรรค์



DBWG บทที่ 22 : ดัชนีกาฬสวรรค์




"อย่า!"


หยางหลิงฉิงเริ่มตื่นตระหนก นางคล้ายกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน นางเริ่มร้องออกมาขณะที่นางรู้สึกเหมือนหัวใจของนางกำลังถูกฉีกขาดและเปิดทำลายปอดของนาง


[TL :  "มดที่อยู่ในกระทะร้อน" & "รู้สึกเหมือนหัวใจของนางกำลังถูกฉีกขาดและเปิดทำลายปอดของนาง" ทั้งสองมีความหมายเหมือนกันคือ กังวลและตื่นตระหนก]


หากหลงเฉินสังหารไป่ชวี่ตงเช่นนี้ หลงเฉินจะตกตายโดยปราศจากการปกป้องของผู้ก่อตั้งตระกูลหยางและในกรณีที่ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางปกป้องเขาอยู่ แล้วสุดท้ายจะเกิดการนองเลือดระหว่างสองตระกูล ซึ่งต้องมีผู้คนจำนวนมากที่สุดท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตกตาย!


คิดถึงผลที่ตามมา หยางหลิงฉิงหวาดกลัวและตัวสั่น เมื่อหลงเฉินใช้การโจมตีด้วยดัชนีที่เก้าของทักษะเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุ นางก็หวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง


ในตระกูลหยาง เก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุเป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากตราประทับมังกร แม้กระทั่งเมื่อไปถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ก็ไม่อาจรับประกันได้แน่นอนว่าท่านจะสามารถควบคุมทักษะเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุได้ แม้แต่หยางอู่ก็เข้าใจได้ถึงการโจมตีด้วยดัชนีที่แปดเท่านั้น


หยางหลิงฉิงรู้ว่า หลงเฉินได้รับเก้าดัชนีปีศาจแห่งวายุมาเมื่อไม่กี่วันก่อน


ในความเป็นจริงหลงเฉินได้ไปห้องโถงศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกฝนทักษะนี้หลังจากการแข่งขันภายในตระกูล


เพราะในระหว่างการต่อสู้กับหยางหลิงเยว่ เขาได้ค้นพบว่าทักษะนี้ไม่เลว ดังนั้นในการเรียนรู้เก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุ เขาสามารถฝึกฝนได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาอันสั้น


ผลลัพธ์นี้เกิดจากความมหัศจรรย์ของจี้หยกรูปมังกรลึกลับ หลงเฉินได้เข้าถึงเพียงพลังอำนาจเพียงเล็กๆน้อยๆของมัน แต่เพียงส่วนเล็กๆน้อยๆนี้ ก็ทำให้เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายแล้ว


ความลึกลับของหลงเฉิน ได้ทำให้หยางหลิงฉิงกลายเป็นมึนงง


อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะใส่ใจเรื่องนี้


ไป่ชวี่ตงพร้อมด้วยดัชนี และไป่ชวี่ตงผู้ซึ่งหวาดกลัว ซึ่งเขากำลังโกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ภายในฝูงชน ทุกคนต่างตกใจและอารมณ์ของพวกเขากำลังพลุ่งพล่านเช่นคลื่นขนาดใหญ่


เมื่อมาถึงจุดนี้หลงเฉินผู้ซึ่งดูเหมือนปีศาจ ทันใดนั้นได้ดึงกลิ่นอายของจิตสังหารอันรุนแรงรอบตัวของเขากลับมาทั้งหมดอย่างสมบูรณ์


รัศมีพลังที่สูงส่งของดัชนีที่เก้าของทักษะเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุ ถูกดึงกลับโดยเขาในทันที ปราณฉีมหาศาลหายไปและไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง หลงเฉินกำลังยืนอยู่ที่นั่นแสดงท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเพิ่งเดินผ่านด้านข้างของไป่ชวี่ตง และหันกลับไปเพื่อเตะก้นของไป่ชวี่ตง นี้ทำให้ไป่ชวี่ตงลอยไปและตกลงมาเหมือนกับสุนัขที่กินอึ


[หมายเหตุ: "ลอยไปและตกลงมาเหมือนกับสุนัขที่กินอึ" หมายความว่า เขาหล่นลงมาแนบหน้ากับพื้น]


การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในบริเวณรอบ ๆ มองเขาอย่างไร้จุดหมาย อีกาและนกยูงไม่มีเสียง


[TL: "อีกาและนกยูงไม่มีเสียง" หมายถึง ความเงียบโดยสมบูรณ์]


หลงเฉินเดินสบาย ๆ ไปด้านข้างหยางหลิงฉิง และมองไปที่นางซึ่งกำลังจ้องมองเขา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ข้ารู้ว่าข้าหล่อมาก แต่เจ้าจะต้องมองข้าอย่างลุ่มหลงด้วยหรือ? เจ้าต้องรู้ว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นเจ้าจึงควรละทิ้งความคิดใดๆกับตัวข้า"


หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็หัวเราะด้วยความหลงตัวเอง


ณ จุดนี้ ไป่จื้อซิงและไป่ชวี่ตง ค่อยๆดันตัวเองขึ้นจากพื้น


คนหนึ่งมีเลือดไหลซึมผ่านมุมปากและอีกคนหนึ่งร้องไห้ระหว่างต้นขา


[TL หมายเหตุ: "ร้องไห้ระหว่างต้นขา" หมายความว่า ปัสสาวะรดตัวเอง]


ทั้งคู่กำลังมองที่หลงเฉินอย่างไม่พอใจ


ความเย่อหยิ่งของพวกเขาก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไป่ชวี่ตง


แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ได้ไปเยี่ยมเยือนหน้าประตูแห่งความตาย การจ้องมองที่เขามองหลงเฉินยามนี้ราวกับหนูที่กำลังมองแมว เขาไม่ได้พิจารณาถึงสภาพน่าสมเพชที่ของเขาในตอนนี้


หลงเฉินยิ้มให้กับเขา เพราะเขารู้สึกขอบคุณมากหลังจากที่ได้หยิบหญ้าฝันวิญญาณออกจากกระเป๋าไป่ชวี่ตง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าหญ้าฝันวิญญาณที่เขาครอบครองอยู่ตอนนี้อยู่ในมือหลงเฉิน



"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่เป็นเช่นหยางจ้าน ที่เลือกจะฆ่าตัวตาย......"


เมื่อมาถึงจุดนี้ฝูงชนกำลังมองไปที่หลงเฉินอย่างว่างเปล่า ภาพลักษณ์ของหลงเฉินในหัวใจของพวกเขาได้หมุนกลับ 180 องศาและตอนนี้หลงเฉินอาจถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยางอย่างแท้จริง


การแสดงออกของบุรุษวัยกลางคนทั้งสองคน ตอนนี้มีรุนแรงเป็นพิเศษ พวกเขาใช้สายตายกย่องนับถือมองไปที่หลงเฉิน และกล่าวว่า "ในขอบเขตนี้ สามารถใช้ทักษะดัชนีสุดท้ายของเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุของตระกูลหยางและแม้แต่ใช้งานได้อย่างง่ายดายดังกล่าว เพียงความสามารถทางการต่อสู้นี้อย่างเดียว เจ้าจะเห็นได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ "


"จากรุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยางเขาควรจะแข็งแกร่งที่สุด หลังจากที่ทั้งสามคนอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 แต่อายุของเขามีน้อยกว่าพวกเขาสี่ถึงห้าปี ดังนั้นด้วยความสามารถนี้ อนาคตของเขาไร้ขีด จำกัด น่าสมเพชที่เราคิดกับเขาก่อนหน้านี้ว่าเป็นเพียงคนเจ้าสำราญไร้ประโยชน์และไม่เคยคิดว่าเขาจะปกปิดความสามารถตัวเอง พรสวรรค์ของเขาน่ามหัศจรรย์ และเขารู้ดีถึงวิธีการที่จะอดทน..... : "


บุรุษวัยกลางคนทั้งสองคนรู้ดีว่าหลงเฉินจะเดินทางไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่และพวกเขาทั้งสองต่างก็หัวเราะขมขื่น จากนั้นหนึ่งในพวกเขากล่าวว่า "ถ้าเขามาที่ร้านของข้าในอนาคต ช้าจะลดราคาสิ้นค้า 70% ให้แก่เขา! "


หลงเฉินไม่ทราบเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างชายสองคนนี้ เขาได้รับหญ้าฝันวิญญาณแล้วเขาก็อยากจะออกไปโดยเร็วที่สุด


ใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าคนรอบ ๆ ตัวเขายังไม่รู้สึกตัวอย่างเต็มที่เขาตัดสินใจว่านี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะออกไป แต่ขณะที่เขาจับมือหยางหลิงฉิงเพื่อพานางออกไป มีเสียงเย็นชาของชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขา


"เจ้า...... ต้องการจะเดินออกไปเช่นนี้หรือ?"


หลงเฉินหันกลับไปมองและท่ามกลางกลุ่มผู้คุ้มกันของตระกูล ชายหนุ่มหล่อเหลาไป่ชวี่ฉือได้เดินเข้ามา ดวงตาของเขามีการแสดงออกที่มืดมดขณะจ้องไปที่หลงเฉิน และมีการปลดปล่อยกลิ่นอายขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ออกมา


มองที่สภาพน่าสมเพชของไป่ชวี่ตงและไป่จื้อซิงแล้ว ไป่ชวี่ฉือกล่าวอย่างนิ่มนวล "เศษขยะทั้งสองนี้ได้ทำให้ตระกูลไป่อับอายขายหน้าอย่างสมบูรณ์ ใครก็ได้ออกมาช่วยข้าเก็บเศษขยะทั้งสองนี้"


ด้านหลังเขาผู้คุมกันได้รีบออกมา ไป่ชวี่ตงและไป่จื้อซิงไม่กล้าที่จะหยุดนิ่งอยู่ที่นี่อีกต่อไป


หลังจากที่ได้ขจัดพวกเขาไปแล้ว ไป่ชวี่ฉือก็มองไปที่หลงเฉิน จากนั้นเขาก็พูดอย่างบ้าคลั่งว่า "เนื่องจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้โดยสองตระกูลของพวกเรา รุ่นเยาว์ทั้งสองตระกูลของพวกเราไม่ได้มีความขัดแย้งกันมากมาย อย่างไรก็ตามวันนี้เจ้าได้เริ่มต้นแล้วโดยการสร้างความอัปยศให้กับตระกูลไป่ของข้า ดังนั้นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลไป่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนี้ ตั้งแต่ที่เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติต่อตระกูลไป่ด้วยวิธีนี้ เจ้าก็ควรพร้อมที่จะจ่ายในราคาเดียวกัน


ก่อนที่ไป่ชวี่ฉือจะกล่าจบ หลงเฉินได้หัวเราะและขัดจังหวะโดยกล่าวว่า "เจ้ากำลังพูดพล่ามอันใด?ข้าไม่เข้าใจจริงๆ จ่ายในราคาเดียวกันคืออันใด? นายน้อย ข้ามีลำบากใจกับท่านที่ไม่กล่าวภาษาสำหรับมนุษย์ท่านสามารถกล่าวได้หรือไม่? "


โดยเรียกเขาว่านายน้อย หลงเฉินกำลังเลียนแบบลักษณะการพูดของนางคณิกาจากเรือนหยกเขียวมรกต เสียงของเขาใสและควบกับการเคลื่อนไหวบางอย่างที่คล้ายคลึงกันคืออย่างน่าขนลุก ในขณะนั้นฝูงชนเริ่มปะทุเสียงหัวเราะกันดังสนั่น


หยางหลิงฉิงได้ลืมเกี่ยวกับคำขู่ของไป่ชวี่ฉือด้วยเช่นกัน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย นางหยิกแขนของหลงเฉินอย่างโหดร้ายสองสามครั้ง


หลังจากได้รับความสนุกสนานจากหลงเฉินแล้วใบหน้าของไป่ชวี่ฉือก็กระตุก ไม่ว่าเขาต้องการรักษาภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อย ที่จุดนี้ใบหน้าของเขาไม่สามารช่วยได้แต่กลายเป็นเย็นชา


จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้าใช้การโจมตีด้วยดัชนีเพื่อทำร้ายไป่จื้อซิง เช่นนั้นข้าจะทำร้ายเจ้า ข้าจะช่วยแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าทักษะการใช้ดัชนีที่แท้จริงเป็นอย่างไร"


ฟังคำพูดของไปชวี่ฉือ หยางหลิงฉิงตกตะลึงในทันที จากนั้นนางก็รีบจับแขนของหลงเฉินและกล่าว "เขาต้องการใช้ดัชนีกาฬสวรรค์ นี่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูง ดังนั้นเราควรจะหนี"


หลงเฉินมองไป่ชวี่ฉืออย่างไม่แยแสและกล่าวว่า: "เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเผชิญหน้ากับเขา."


หยางหลิงฉิงยามนี้ตื่นตระหนกและเริ่มอ้อนวอนกับเขาโดยกล่าวว่า "พี่ใหญ่......เฉิน ข้าเรียกเจ้าพี่ใหญ่เฉินแล้ว เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้? เพียงแค่ฟังข้า ในเวลานี้ถ้าเจ้าต่อสู้กับเขา และเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู่ของเขา เจ้าจะได้รับความเสียหายในอวัยวะภายในของเจ้า การสูญเสียของเจ้าจะใหญมาก...... "


แม้ว่าหยางหลิงฉิงได้อ้อนวอนขอร้องเขา หลงเฉินก็ไม่ปฏิบัติตาม เขามองไปที่ไป่ชวี่ฉือ ขณะที่ไม่ได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ


"ไป่ชวี่ฉือ...... ถ้าเจ้าไม่ใช่บุตรชายของไป่จ้านซ่ง วันนี้ข้าอาจจะพยายามหลบหนี แต่โชคร้ายที่เจ้าเป็น เช่นนั้นแม้ว่าจะตายข้าก็จะไม่หลบหนีต่อหน้าต่อตาเจ้า!"


หยางหลิงฉิงไม่รู้ถึงความมุ่งมั่นในใจของหลงเฉิน ดังนั้นนางจึงกังวลจนเกือบจะร้องไห้


ตอนนี้หลิงซีก็กระซิบข้างหูของหลงเฉินและกล่าวว่า "ข้าคิดว่าเรามีทางออกที่ดีกว่านี้ ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ แล้วหลังจากที่ข้าได้ปรับแต่งหญ้าฝันวิญญาณ ฉัน ข้าจะช่วยคุณเจ้ายกเลิกการป้องกัน ดังนั้นเจ้าจึงสามารถเผชิญหน้ากับเขาในการแข่งขันล่าสัตว์ปีศาจ ซึ่งไม่ถือว่าช้าเกินไป "


แท้จริงหลงเฉินรู้ดี แต่ขาของเขาราวกับว่าพวกมันถูกตรึงอยู่กับพื้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวพวกมันแม้เพียงครึ่งก้าว


ในขณะที่กำลังมองไปที่หลงเฉินผู้ใส่ซึ่งปราศจากความรู้สึกกลัวความตาย ไป่ชวี่ฉือก็หัวเราะ


ในแต่ละก้าว เขาเดินไปหาหลงเฉิน คนที่อยู่เบื้องด้านหลังหลงเฉินเริ่มหลบหนีไปและหยางหลิงฉิงยังคงอยู่เคียงข้างเขา


"ไป่ชวี่ฉือโกรธจริงๆ ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้เป็นดั่งเปลวไฟมหึมา แต่เนื่องจากเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เขาจะกลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างแน่นอน"


"อายุของเขามีน้อยกว่าสี่ปี สามารถมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับไป่ชวี่ฉือได้เช่นนี้ ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ ถ้าเขาได้รับมีเวลาอีกสี่ปี ข้ากล้าที่จะกล่าวเลยว่าไป่ชวี่ฉือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน"


การสนทนาของผู้ชมได้ทำให้ไป่ชวี่ฉือยิ่งโกรธมากขึ้น เขาระเบิดฉีจากขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 กดทับร่างของหลงเฉินในทันที


ความรุนแรงมหาศาลนี้ราวกับคลื่นยักษ์กำลังโหมกระหน่ำลงที่ร่างของหลงเฉิน แต่ว่าเท้าของหลงเฉินก็ยังตรึงอยู่กับพื้น ร่างกายของเขาไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหลังแม้แต่ครึ่งนิ้ว!


"ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับหยางหยุนเทียน ข้าไม่อาจโต้ตอบกลับไปได้แม้เพียงเล็กน้อย! "


สำหรับไป่ชวี่ฉือที่เห็นว่าหลงเฉินไม่ได้ถอยไปข้างหลังแม้แต่ครึ่งก้าว ในหัวใจเขาก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็กล่าวว่าอย่างเย็นชาว่า "เจ้าต้องการกระทำเรื่องตลกเช่นนี้หรือ? ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของดัชนีกาฬสวรรค์ ด้วยวิธีนี้เจ้าจะรู้ซึ้งถึงความเสียใจ..... "


เขากำหมัดแน่นและพลังฉีของเขาเริ่มพลุ่งพล่านและคลื่นแสงสีดำจางๆเริ่มอัดแน่นลงบนดัชนีของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเจือจาง แต่พลังงานที่อยู่ในการโจมตีครั้งนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าดัชนีที่เก้าของหลงเฉินก่อนหน้านี้อย่างน้อย 10 เท่า!


"นี่..... นี่คือดัชนีกาฬสวรรค์ของตระกูลไป่? ตามที่คาดไว้ความสามารถในการทะลุทะลวงของมันมหาศาลมาก มันมีชื่อเสียงว่าสามารถทะลวงสวรรค์และปฐพีได้..... "


เมื่อเห็นฉากนี้น้ำตาของหยางหลิงฉิงเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของนาง ความดื้อรั้นของหลงเฉินได้เกินความคาดหมายของนางแล้ว แม้กระทั่งหลิงซี
ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้


ไป่ชวี่ฉือมองหลงเฉินด้วยท่าทางที่น่ากลัว เขาต้องยอมรับว่าเขาชื่นชมหลงเฉิน เพื่อให้เขาสามารถมีผลงานได้ในวันนี้ ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในมือของนายใบชิจิเขาจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ


พลังระเบิดอันหนาแน่นอัดแน่นลงบนดัชนีของดัชนีกาฬสวรรค์ จากนั้นเขาก็ค่อยๆยกดัชนีขึ้นและพร้อมที่จะปลดปล่อย


สายตาของหลงเฉินหรี่ลง เขาก็มีพลังปราณฉีทั้งหมดของเขาและพร้อมที่จะใช้การโจมตีที่แรงที่สุดของเขาเช่นตราประทับมังกรไร้สี


ถูกต้อง เหตุผลที่ทำให้เขามีเวลาเรียนรู้เก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุเป็นเพราะเขาเข้าใจตราประทับมังกรไร้สีได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับความเข้าใจดัชนีกาฬสวรรค์ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เขาได้เปรียบยิ่งกว่า!


อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าโอกาสของเขาไม่ได้สูงมากนักเนื่องจากปริมาณปราณฉีของเขาน้อยกว่าคู่ต่อสู้ของเขาอย่างน้อย 20 เท่า นอกจากนี้ ทักษะแก่นแท้สวรรค์ซึ่งมีข้อได้เปรียบมาก่อน ในตอนนี้เมื่อเทียบกับขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 มันไมได้มีประโยชน์มากนัก


สิ่งที่หลงเฉินต้องการที่จะต่อสู้ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของเขาเท่านั้น


พลังของทั้งสองเพิ่มขึ้นและฝูงชนก็ยังคงมองจ้องมองการต่อสู้ที่รุนแรงครั้งนี้


หลงเฉินมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับไป่ชวี่ฉือ ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก


บุรุษวัยกลางคนสองคนกำลังมองหลงเฉิร ทันใดนั้นหนึ่งในพวกเขากล่าวว่า "เจ้ารู้สึกว่าร่างกายของเขามีพลังจางๆจากตราประทับมังกรหรือไม่ ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด คนผู้นี้ได้ฝึกฝนตราประทับมังกรแล้วและก็็็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะมีความสำเร็จบางอย่างกับมัน"


"เขาได้รับตราประทับมังกร ในการแข่งขันภายในตระกูลเท่านั้น โดยที่เขาอยู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 และมีความสำเร็จดังกล่าว เขาน่ายกย่องอย่างยิ่งแม้ว่าเขาอาจจะพ่ายแพ้ก็ตาม


[TL : เป็นขั้นที่ 6 เพราะชาย 2 คนคิดว่าเขาชนะสมาชิกสองคนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ของตระกูลไป่ได้ ดังนั้นเขาจึงน่าจะอยู่ขั้นที่ 6]


"พวกเขากำลังจะต่อสู้ ...... "


กับความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของไป่ชวี่ฉือ หลงเฉินกัดฟันแน่น


"บิดามันเถอะ ไม่ใช่ว่าข้าผลีผลาม แต่กระดูกสันหลังของข้า ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของข้า..... "


"มันถูกตรึงอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้า หลงเฉิน ข้าจะสามารถหลบหลีกได้อย่างไร?"


ในขณะนี้เสียงของสตรีคนหนึ่งก็ดังขึ้น


"ชวี่ฉือ..... ทำไมเจ้าถึงได้ต่อสู้ในตลาดของผู้ฝึกตนกัน?"







ความคิดเห็น