DBWG บทที่ 19 : การป้องกันลึกลับ



DBWG บทที่ 19 : การป้องกันลึกลับ







"ตราประทับมังกร...... "


นั่งบนเตียงที่ศาลา หลงเฉินพลิกหน้าตราประทับมังกรเร้นลับไปจนกว่าเขาจะง่วงนอน แล้วเขาวางตราประทับมังกรไว้ข้างเตียง


"เพราะเป็นทักษะการต่อสู้ในระดับสูง หลายคนในตระกูลหยางจึงไม่ได้ฝึกฝน ดูที่หนังแกะและวัสดุแห้งเหี่ยว ตราประทับมังกรของข้าควรเป็นต้นฉบับ ท่านพ่อได้กล่าวว่ามีความลับบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาของข้าที่จะกลายเป็นนักรบมังกร แต่ทำไมข้าไม่สามารถหาได้ว่ามันคือสิ่งใด? "


หลงเฉินกลิ้งอยู่บนเตียงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังสับสน


"สิ่งที่เสื่อมโทรมนี้คืออะไร ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชิ้นส่วนตำราที่ใช้หนังแกะ? ความลับอะไรที่มันสามารถเก็บได้? ตอนนี้สมาชิกจำนวนมากของตระกูลหยางได้เห็นทักษะการต่อสู้เร้นลับนี่แล้ว ถ้ามีความลับมันก็น่าจะถูกค้นพบมานานแล้ว ...... "


หลงเฉินรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย


"มันไม่เป็นความจริง!" หลงเฉินตื่นเต้นนั่งบนเตียง


"ความลับไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกค้นพบ เช่นนั้นนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสมาชิกในตระกูลหยางถึงไม่ได้ค้นพบสิ่งใดเลย และท่านพ่อขอให้ข้าได้รับม้วนลึกลับนี้ ดังนั้นถ้าข้าทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย ข้าก็จะรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน! "


หยิบตราประทับมังกรขึ้นมาอีกครั้ง และมองไปที่ลายเส้นที่ดูสง่างาม หลงเฉินมองผ่านแต่ละคำ และคำทุกคำเขาได้กลั่นกรองอย่างรอบคอบแม้กระทั่งมุมของแต่ละหน้า แต่ในท้ายที่สุดมันก็ไร้ผล


"ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 5 แต่ด้วยระดับเชี่ยวชาญทักษะแก่นแท้สวรรค์ ผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า รวมกับตราประทับมังกร ความสามารถในการต่อสู้ของข้า ข้าสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น น่าเสียดายที่ทักษะแก่นแท้สวรรค์เป็นเพียงทักษะระดับปฐพีขั้นกลางเท่านั้น ถ้าข้าต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ข้าจะไม่มีความได้เปรียบใดๆเลย... "


"การแข่งขันการล่าสัตว์ปีศาจกำลังจะเริ่มต้นและไป่ชวี่ฉือเกลียดข้าไปถึงแก่น ถ้าข้าไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ก่อนแล้วข้าก็จะตายแน่นอน และแน่นอนว่าข้าจะไม่สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้! "


คิดเกี่ยวกับไป่ชวี่ฉือที่อยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 หลงเฉินขมวดคิ้ว


เขาเป็นคนที่ตระหนักถึงความสามารถของตัวเองมากที่สุด กับผู้ฝึกตนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 เขาอาจจะชนะได้ง่าย แต่กับผู้ฝึกตนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ไม่มีความหวังอะไรมากสำหรับเขา


ขอบเขตชีพจรมังกรแบ่งออกเป็น 9 แดน หกขั้นแรก เส้นโลหิตมังกรจะมีชื่อว่า 'เส้นโลหิตมังกรเล็ก' เส้นโลหิตมังกรเล็กไม่ค่อยทนทานในพลังหรือมีวิถีทางโคจรที่ไม่ยาวมาก ดังนั้นการระเบิดปราณฉีจึงมีจำกัด


ความแตกต่างระหว่างขั้นที่หกและเจ็ดของขอบเขตชีพจรมังกรเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เส้นโลหิตมังกรขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ขึ้นไปจะถูกระบุว่าเป็น 'เส้นโลหิตมังกรมนุษย์' 'เส้นโลหิตมังกรปฐพี' และ 'เส้นโลหิตมังกรสวรรค์' ตามลำดับ มีความยาวและความทนทานแต่ละอย่าง อย่างน้อยสองเท่าของขนาดและความยาวของเส้นโลหิตมังกรเล็ก เส้นโลหิตมังกรสวรรค์ยิ่งยาวกว่าขั้นที่ 8 มากนัก!


หลงเฉินรู้ดีว่าในแดนที่สูงขึ้นไปของเส้นโลหิตมังกรนี้ยิ่งยากที่จะทะลวง นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมผู้ฝึกตนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 9 จึงหายาก!


ส่วนเรื่องที่หลงเฉินกังวลคือ ความแตกต่างของเส้นโลหิตมังกรระหว่างเขากับไป่ชวี่ฉือ คือเส้นโลหิตมังกรมนุษย์ ปราณฉีที่ต้องใช้ตัดผ่านขั้นที่ 7 ต้องมีมากกว่าสิบเท่าของขั้นที่ 6 ดังนั้นโดยการเปรียบเทียบแค่ปริมาณปราณฉีเพียงอย่างเดียว ไป่ชวี่ฉือจะมีมากกว่า หลงเฉิน 20 เท่าหรือ 30 เท่าแล้ว


“อย่างไรก็ตาม....”


หลงเฉินจ้องด้วยความเย็นชาในขณะที่เขาคิดว่า "ไป่ชวี่ฉือเป็นบุตรชายของไปจ้านซ่ง ถ้าเขาเป็นบุตรชายของบุรุษผู้นั้น ข้าต้องแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างแน่นอน ด้วยวิธีนี้ข้าสามารถทำให้สตรีคนนั้นยอมรับข้าได้อย่างสมบูรณ์ และเพื่อที่นางจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นขยะและใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรจะฝึกฝนทักษะการต่อสู้!"


ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ก็ยังคงมีแรงกดดันอยู่มาก เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาไม่มีความคิดว่าจะทำอย่างไรกับตราประทับมังกรในมือของเขา และถ้าเขาใช้เวลาสิบวันเพิ่มไปเรื่อยๆ จนโง่เง่าเพื่อค้นหาความลับ แล้วมันคงเป็นการยุติธรรมที่จะบอกว่าเขาจะต้องทำอย่างนั้นต่อไปตลอดชีวิต!


"นักรบมังกรคืออะไรกันแน่? ท่านพ่อบอกว่ามันเป็นตำนานที่สูญหายไปนานแล้ว? ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับนักรบสัตว์ปีศาจลึกลับและนักรบยุทธภัณฑ์ แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักรบมังกร..."


"อย่างไรก็ตามทั้งท่านพ่อและหลิงซี กล่าวว่าแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้มีชื่อว่าทวีปหลงชี่ และผู้คนที่นี่เป็นลูกหลานของมังกรบรรพบุรุษ ข้าคิดว่านักรบมังกรมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตำนานของมังกรเหล่านี้ ซึ่งอาจมีการเชื่อมโยงกัน! "


ในการแข่งขันภายในตระกูลเนื่องจากการโจมตีของหลิงซี ดูเหมือนว่าพลังงานของนางจะลดน้อยลง ถึงแม้ว่าผ่านไปสามวันแล้วนางก็ยังไม่ตื่นขึ้นหลงเฉินกังวลใจมากและคิดว่า "นางจะตกตายเช่นนี้หรือไม่? ข้าคิดว่านางเสียพลังงานในการปรากฏตัวครั้งนี้มากเกินไป แม้ว่านางจะเป็นผู้มีพระคุณของข้า แต่นางก็ช่วยข้าสองครั้งแล้ว แต่ข้าได้กล่าวว่าข้าจะปกป้องนาง ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางช่วยข้าอีก!"


เขามองไปที่ตราประทับมังกรในมือของเขาอีกครั้ง


"ท่านพ่อต้องการให้ข้าได้รับม้วนเร้นลับนี้ แต่เขาไม่เคยบอกวิธีค้นหาความลับของมัน ดังนั้นข้ายังคงต้องพึ่งพาความสามารถของข้าเอง ถ้าเพียงแต่หลงซีอยู่ที่นี่ ตัวตนของนางก็ลึกลับมาก นางต้องมีการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังและอาจมีประสบการณ์มากมาย ข้าคิดว่านางสามารถแก้ปัญหานี้ให้ข้าได้ "


หลงเฉินนอนบนเตียงและคลุมใบหน้าด้วยม้วนตราประทับมังกร


"เกิดอะไรขึ้น?"


หลงเฉินตระหนัก พอดีกับที่เขาวางม้วนบนหน้าของเขาจี้มังกรลึกลับได้เคลื่อนไหวกระทันหัน แต่แล้วก็ไม่เกิดสิ่งใดอีก


ทันใดนั้น ในขณะนี้มีเส้นใยของเสียงแหบแห้งดังขึ้นและเจ้าของเสียงน่าจะอ่อนแอมาก


"ม้วนเร้นลับนี้ น่าจะมีการป้องกันอยู่...... "


คนที่กล่าวคือหลิงซี ตอนนี้ดาบหลิงซีถูกเปลี่ยนเป็นรูปตุ้มหูและติดกับหูของหลงเฉิน ดังนั้นแม้ว่าเสียงของนางจะอ่อนแรง หลงเฉินก็ยังได้ยินเสียงดังกล่าวอยู่


หลังจากได้ยินเสียงของหลิงซี ความกังวลของหลงเฉินจากช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้ลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเสียงหลิงซียังฟังดูอ่อนแอมากและรู้ว่านางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นเขารีบถาม "ซีน้อย สภาพของเจ้าเป็นอย่างไร? คราวนี้เป็นเพราะความดื้อรั้นของข้า ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทุกครั้งที่เจ้าออกมามันทำให้เจ้าอ่อนแอมาก ...... "


"ไม่เป็นไร...... " หลิงซีขัดจังหวะ


หลงเฉินเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่เขาก็ยังขบริมฝีปากและกล่าว "อะไรคือไม่เป็นไร? เจ้าควรจำไว้ให้ดีเพื่อข้า ในอนาคตอย่าโง่เขลา ถ้าข้าตกตายอย่างประมาทภายใต้มือของใครบางคน ข้าก็สมควรได้รับความตาย แต่ถ้าเจ้าตกตายเพราะข้า ข้าหลงเฉินจะตำหนิตัวเองตลอดชีวิตที่เหลือของข้า และข้าจะดีกว่าที่จะเป็นคนตกตายในกรณีนั้น!"


"บอกข้าว่าตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไรในตอนนี้"


หลงเฉินได้โกรธเคืองเล็กน้อย หลิงซีจึงเงียบด้วยความกลัว "กายหยาบของข้าสูญหายไปแล้ว ตอนนี้สภาพแวดล้อมรอบตัวของข้าเป็นสีดำสนิทและจิตสำนึกของข้าตอนนี้กำลังถูกเก็บรักษาไว้ได้เพียงเพราะความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของข้าเท่านั้น ทุกครั้งที่ข้าใช้มันความแข็งแกร่งของข้าจะลดน้อยลง ครั้งก่อนที่จิตวิญญาณของข้าอยู่ในความยุ่งเหยิงและความหวาดกลัว ดังนั้นข้าจึงสั่งให้ดาบหลิงซีบินไปไกลมาก ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของข้าเกือบจะจบสิ้นแล้ว และยิ่งสองครั้งก่อนที่ข้าได้ปรากฏตัวออกมา ถ้าข้าไม่มียาอะไรที่สามารถฟื้นฟูและยืดจิตวิญญาณได้ ข้าคิดว่าข้าจะ ...... "


หลงเฉินตะโกนออกมาด้วยความเศร้าและกล่าว "ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้!?"


นางสะอึกสะอื้นและรู้สึกหดหู่ใจ ดังนั้นนางจึงร้องไห้พร้อมกล่าวว่า "ข้าตื่นขึ้นมาแล้ว ทำไมเจ้าถึงโหดร้ายกับข้า? และถ้าข้าไม่ได้ปรากฏตัวครั้งก่อนนี้เจ้าคงจะตายไปแล้ว ไม่มีเวลาให้บอกกล่าวเรื่องนี้เลย ...... "


หลังจากนั้น หลงเฉินก็สงบลงและหลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่งเขากล่าวว่า "ซีน้อย ขอบคุณ แต่ในฐานะบุรุษคนหนึ่งในอนาคตข้าไม่ต้องการให้เจ้าปรากฏตัวเพื่อข้าอีกต่อไป ยาที่เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณของเจ้าได้ ข้าจะไปหามันให้กับเจ้าในตอนนี้! "


หลิงซีเป็นคนที่ใช้ชีวิตของนางเพื่อแลกกับเขา ดังนั้นในขณะที่หลงเฉินไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ลึกลงไปในใจเขาได้คิดว่าชีวิตของหลิงซีเป็นชีวิตของเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจริงที่ว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของตนเอง


ดังนั้นหลงเฉินจึงเก็บตราประทับมังกรไว้ในอ้อมแขนและออกจากบ้าน เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับยาของผู้ฝึกตนเท่าใดนัก แต่หลงเฉินรู้จักคนหนึ่งในตระกูลหยางที่เขาค่อนข้างที่จะยอมรับ คนคนนั้นคือหยางหลิงฉิง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะมองหานาง


"ยาที่ฟื้นฟูจิตวิญญาณไม่สามารถพบได้ง่ายและโดยทั่วไปพวกมันค่อนข้างแพง หลงเฉินข้าเป็นภาระให้กับเจ้าหรือไม่? "


"เจ้ากำลังพูดพล่ามอันใด!? เจ้าช่วยชีวิตข้าได้ ดังนั้นในทางกลับกันข้าจึงใช้เวลาและความทุ่มเทให้กับเจ้า จะถือว่าเป็นภาระได้อย่างไร? มีน้ำเข้าสมองของเจ้าหรือไม่? "


แม้ว่าทางหลงเฉินจะกล่าวอย่างรุนแรง แต่ในคำพูดของเขามีความกังวลอย่างมาก ซึ่งหลิงซีซาบซึ้ง มองไปที่บุรุษหนุ่มผู้นี้ที่มีความเด็ดเดี่ยวต่อหน้านาง จิตใจของนางเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆ โชคร้ายที่เกิดขึ้นกับนาง ได้ทำให้นางเติบโตขึ้น แตกต่างจากชีวิตที่ปราศจากความกังวลก่อนหน้านี้


"โอ้ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีการป้องกันอยู่ที่ม้วนตราประทับมังกรหรือ? เจ้าสามารถกำจัดมันได้หรือไม่?"


ก่อนหน้านี้เพราะหลิงซี เขาจึงลืมเรื่องที่สำคัญที่สุด และในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของหลงเฉินก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง


"ตอนนี้จิตวิญญาณของข้าในปัจจุบันไม่เพียงพอสำหรับข้าแม้แต่จะมองไปที่การป้องกันใกล้ๆ อย่างไรก็ตามถ้าข้าได้รับยาฟื้นฟูจิตวิญญาณของข้า ข้าแน่นอนว่าสามารถกำจัดมันได้"


หลงเฉินดีใจและกล่าว "ดีมากซีน้อย ตามความคาดหมายของข้า เจ้ามีความสามารถมาก ถ้าเจ้ามีร่างกายจะดีมาก เช่นนั้นข้าสามารถจูบเจ้าตอนนี้เพื่อเป็นรางวัลแก่เจ้า! "


หลังจากกล่าวเช่นนี้ หลงเฉินก็หัวเราะออกมาดัง ๆ


“หึ! อย่าฝัน คางคกเช่นเจ้าต้องการจะกินเนื้อหงส์!? อย่างไรก็ตามหากเจ้าต้องการยกเลิกการป้องกันนี้ยาไม่สามารถมีปริมาณเล็กน้อยได้ ข้าเป็นคนตะกละ ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรในอนาคตก็ง่ายมาก ข้าจำเป็นต้องกินยา! "


[TL : "คางคกเช่นเจ้าต้องการจะกินเนื้อหงส์" หมายถึง การต้องการบางคนที่ไม่คู่ควรกับตน]


"เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าคนบ้ายา"


หลังจากเรื่องตลกแล้ว บรรยากาศก็ไม่มืดมนเหมือนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหลงเฉินเข้าใจดีว่าความรับผิดชอบที่เขาแบกรับตอนนี้หนักหนากว่าเดิมมากนัก


ไม่เพียงแต่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่เขายังต้องสะสมสมบัติเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากยาที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูจิตวิญญาณสามารถช่วยยืดอายุของหลิงซีได้


"สถานที่เล็กๆเช่นเมืองไป่เห๋อหยางจะมียาฟื้นฟูจิตวิญญาณหรือไม่...... "


หลงเฉินยังกังวลอยู่เรื่อย ๆ


เดินตรงไปยังลานของตระกูลหยาง ทันทีที่ยามและแม่บ้านเห็นเขาก็รีบยิ้มให้กับเขา อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของพวกเขาเป็นรอยยิ้มที่ถูกบังคับและดูน่าเกลียดยิ่งกว่าใบหน้าที่ร้องไห้ของพวกเขาเสียอีก


ความสามารถของหลงเฉินในการแข่งขันภายในตระกูล ทำให้เขาได้รับตำแหน่งที่สูงในตระกูลหยาง และเพิ่มความสามารถที่แข็งแกร่งของเขา และธรรมชาติที่ชั่วร้ายของเขา ปลาเล็กปลาน้อยเหล่านี้จะกล้าที่จะไม่สุภาพต่อเขาได้อย่างไร มันคล้ายกับการขอโทษเพราะพวกเขาไม่มีอะไรที่ดีกว่าที่จะทำ


ด้านข้างหยางอู่กำลังเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ขณะที่กลุ่มทหารยามเดินผ่านมาและทักทายหลงเฉิน การแสดงออกของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นมืดมน


"เดิมทีของสิ่งนั้นควรเป็นของเยว่เอ๋อร์น้อย แต่ตอนนี้มันถูกโจรเช่นเจ้าขโมยไป มองไปที่ใบหน้าหยิ่งยโสของคนรับใช้ของเจ้า อย่างไรก็ตามข้าสงสัยว่าเจ้าจะพอใจกับตัวเองได้อีกนานแค่ไหน "


"ท่านปู่เห็นเจ้าสำคัญในตอนนี้ แต่มันก็เป็นแค่การใช้ประโยชน์จากคุณเจ้า แม้ว่าการบ่มเพาะของอาสองยังคงอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 เขาก็มีความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ของเขาในการทำธุรกิจของตระกูลและได้เสียสละมากมายเพื่อตระกูลหยางจนถึงตอนนี้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าบุรุษเจ้าสำราญไร้ประโยชน์เช่นเจ้าซึ่งทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางเสื่อมเสียตั้งแต่เด็ก จะสามารถแทนที่เขาได้จริงๆ? เจ้าเหมือนนกกระจอกที่คิดว่าถ้ามันบินขึ้นแผ่ขยายมันจะกลายเป็นฟีนิกซ์ "


[TL : "นกกระจอกที่คิดว่าถ้ามันบินขึ้นแผ่ขยายมันจะกลายเป็นฟีนิกซ์" หมายความว่า มันไม่สำคัญว่าคนธรรมดาสามัญจะพยายามแค่ไหน เพราะสุดท้ายเขาจะเป็นได้แค่คนธรรมดาสามัญเสมอ] 


หลงเฉินแท้จริงแล้วได้ตระหนักว่าหยางอู่กำลังมองเขาอยู่ แต่เขาไม่สนใจ


ถ้ามีใครมาทำร้ายน้องสาวของตน หลงเฉินจะไปหาคนผู้นั้นทันทีและต่อสู้กับคนผู้นั้นด้วยความเต็มใจของเขา ดังนั้นทุกอย่างที่หยางอู่คิดเขาเข้าใจมัน


"ซีน้อย เจ้าเห็นบุรุษที่จ้องมองข้าด้วยความเสียใจหรือไม่?"


"ข้าเห็น แต่ดูเหมือนว่าเขามีความแค้นต่อเจ้ามากกว่า"


"เจ้าไม่รู้ความจริง แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนแปลกประหลาด และเขาได้สนใจข้ามาเป็นเวลานานแล้ว แต่อนิจจา พวกเราทั้งสองนั้นเป็นบุรุษ เช่นนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะกล่าวออกมา แต่ความรู้สึกที่เขาคิดกับข้า ข้านั้นมีค่ามากกว่าไข่มุก..... "


"อา ยอดเยี่ยม ข้าอยากจะอ้วก!"


ความคิดเห็น